*-*

ข่าวสาร

บอก WEB นี้ให้เพื่อน :

วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ทำสวยด้วยของในครัว

ความสวยเป็นของไม่จำกัด ถ้ารักจะสวย ที่ไหน เมื่อไหร่ ก็สวยได้ ก็แม้แต่ข้าวของในครัวของคุณแม่เรา ยังคว้ามาประทินโฉม กันได้ตั้งหลายอย่าง อยากรู้แล้ว ใช่ไหม ..ต้องติดตามค่ะ







"ไข่" กระชับผิว
คุณสมบัติ : ช่วยกระชับผิว กระชับรูขุมขน เฉกเช่นเดียวกับ โทนนิ่งโลชั่น
วิธีทำสวย
1.ล้างหน้าก่อนด้วยน้ำนม ช่วยกระตุ้นให้ผิวสดชื่น กระชุ่มกระชวย
2.ตอกไข่ใส่ชาม แยกส่วนไข่ขาวและไข่แดง ใช้เฉพาะไข่ขาว ทาบนใบหน้า (ถ้าคุณเป็นคนผิวแห้ง ให้ผสมไข่แดงลงไปเล็กน้อย) ทิ้งไว้ 10 นาที ล้างออก ด้วยน้ำอุ่น
3.ปิดท้ายด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์บำรุงผิว





"มะเขือเทศ" สู้สิว
คุณสมบัติ : กรด"ในมะเขือเทศ ช่วยทำความสะอาดรูขุมขน ลดการเกิดสิว

วิธีทำสวย
1.ปอกเปลือกมะเขอเทศ ฝานเป็นแผ่นๆ เอาเมล็ดออก
2.นำไปปั่นให้ละเอียด (ถ้าไม่มีเครื่องปั่น จะใช้วิธีขยำจนกระทั่งเนื้อมะเขือเทศเละ ไม่จับเป็นก้อน ก็ใช้ได้เหมือนกัน)
3.ทาลงบนหัวสิว (ระวังอย่าให้เข้าตา) ทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น
หมายเหตุ : ในกรณีที่คุณเป็นคนที่ผิวแพ้ง่าย หรือยังไม่แน่ใจว่าจะแพ้หรือเปล่า ให้ลองเทสต์กับท้องแขนก่อน ถ้ามีอาการแสบผิดปกติ ให้ล้างออกทันทีและไม่ควรใช้กับผิวหน้า







ครีมทาผิว "พีช"
คุณสมบัติ : กรดอ่อนๆจากผลไม้ช่วยให้ผิวที่หยาบกร้านนุ่มขึ้น
วิธีทำสวย
1.เลือกเฉพาะพีชผลที่สุกงอม มาปอกเปลือกแล้วปั่นให้ละเอียด
2.กรองเอากากออก เก็บไว้เฉพาะส่วนที่เป็นน้ำ

3.ผสมเข้ากับวิปปิ้งครีมในปริมาณเท่าๆกัน กวนให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน

4.นวดลงบนผิว ทิ้งไว้ 15-20 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น




"น้ำส้มสายชู" ดับกลิ่นเท้า
คุณสมบัติ : ใช้แช่เท้าช่วยสร้างสมดุลย์ (ph balance) ให้กับผิว ทำให้ผิวที่หยาบกระด้างนุ่มขึ้น และลดกลิ่นเท้า
วิธีทำสวย
1.ผสมน้ำส้มสายชู 1 ถ้วย ลงในน้ำเปล่า 1 แกลลอน (ประมาณ 4 ลิตร)
2.แช่เท้าไว้สักพัก
3.ล้างด้วยน้ำสะอาด แล้วตามด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์



ครีมล้างหน้า "โยเกิร์ต"
คุณสมบัติ : เป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์และครีมล้างหน้าที่เหมาะกับทุกสภาพผิว
วิธีทำสวย
1.ผสมโยเกิร์ต 1 ช้อนโต๊ะ เข้ากับน้ำมะนาว 1 ช้อนชา ทาลงบนผิวหน้า
2.ทิ้งไว้ 5-10 นาที แล้วใช้สำลีเช็ดเครื่องสำอางชุบน้ำอุ่นเช็ดออก



มือนุ่มด้วย"น้ำตาลทราย"
คุณสมบัติ : ช่วยขจัดเซลล์ที่ตายแล้วออกจากผิว
วิธีทำสวย
1.ผสมน้ำตาลทราย 1 อุ้งมือเข้ากับน้ำมะนาวครึ่งลูก นวดลงบนฝ่ามือ นวดเบาๆ จนกระทั่งรู้สึกว่ามีเซลล์ผิวหลุดออกมาเหมือนขี้ไคล
2.ล้างออกด้วยน้ำเย็น ตามด้วยการทามอยส์เจอร์ไรเซอร์



อาบผิวด้วย"น้ำผึ้ง"
คุณสมบัติ : เป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ สำหรับผิวและเส้นผม
กรรมวิธี เติมน้ำผึ้ง 2-3 ช้อนโต๊ะลงในน้ำที่ใช้อาบและสระผม น้ำผึ้งจะช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื่นขึ้น



ง่ายแสนง่ายแค่นี้..อ่านจบแล้วก็เกินเข้าครัวกันเลยดีกว่าค่ะ

เรื่องของแหวน




ถ้าอยากให้**ความรักมั่นคง**

ก็ต้องนิ้วที่ตรงกับหัวใจที่สุด อย่าง **นิ้วนาง** ข้างซ้ายเลย**




ถ้าอยากให้มี**โชคในเรื่องความรัก**

ต้องสวมแหวน**นิ้วก้อย**ข้างซ้าย**




ถ้าอยากให้ใคร**คนนั้นสนใจ**

ต้องสวมแหวนที่**นิ้วชี้**ข้างซ้าย**




ถ้าอยาก**โชคดีและมีความราบรื่น **ในด้านต่างๆ

ต้องสวมแหวนที่**นิ้วนาง**ข้างขวา **




ถ้าอยาก**มีเสน่ห์คนชอบมากๆ **

ต้องสวมแหวนที่**นิ้วหัวแม่มือ** จะเป็นด้านขาว หรือด้านซ้ายก็ด้าย**




ถ้าอยาก** ปลอดภัยจากความชั่วร้าย**

ต้องสวมแหวนที่**นิ้วกลาง ** จะสวมข้างไหนก็ด้าย**




ถ้าอยากมี **โชคทางการเงิน**

ต้องสวมแหวนที่* *นิ้วกลาง**ข้างขวา*

กฎ 25 ข้อขำ..ขำ ในมิวสิกวีดีโอ



กฎ 25 ข้อขำ..ขำ ในมิวสิกวีดีโอ


1 ฝนจะไม่ขึ้นกับฤดูกาล แต่จะตกก็ต่อเมื่อมีใครซักคนอกหัก

2 พระเอกกับนางเอกเป็นสิ่งมีชีวิตที่ค่อนข้างรู้อะไรๆ น้อย มักมองข้ามความดีของคนที่มาแอบรักเสมอ

3 ใครก็ตามในนั้นที่อกหัก ต้องมีอย่างน้อย 1 ครั้งที่ไปแอบเห็นคนที่ตัวเองรักจู๋จี๋กับคนอื่นโดยซึ่งๆ หน้า หรือไม่ก็มีมุมตึกบัง หรือไม่ก็มองจากนอกหน้าต่าง (ซึ่งอาจมีฝนนอกฤดูมาอีกแล้วค่ะท่าน) - มันเป็นไปไม่ได้เลยในมิวสิค ที่จะมีใครซักคนเอาข่าวมาบอก ต้องเห็นเองกับตาเท่านั้นค่ะ

4 ถ้ามีสัตว์เลี้ยงของพระเอก มันมักจะเป็น Dalmatian แต่สัตว์เลี้ยงของนางเอก จะเป็นสุนัขที่มีขนาดเล็กกว่า หรือไม่ก็แมว แต่ต้องมีขนปุยๆเสมอ

5 ถ้านางเอกมีตุ๊กตาเล่นในห้องนอน มากกว่าร้อยละ 50 ต้องเป็นตุ๊กตาหมี

6 จะต้องมีลมพัดจนผมปลิวอย่างน้อยหนึ่งครั้งเสมอในเพลงอกหัก และผมไม่เคยปลิวยุ่งจนมาบังหน้า ลมจะต้องพัดโดยมีทิศทางจากหน้าไปหลังของเราอย่างแน่นอน

7 ในกรณีที่ตัวนักร้องไม่อกหักเอง แต่มีคนอื่นอกหัก (เนื่องจากไม่หล่อ หรือหน้าตาดีน้อยเกินไป หรืออื่นๆ) นักร้องจะต้องทำตัวเป็นตัวเจ๋อ คอยมายืนร้องเพลงอยู่คนเดียวข้างๆ หรือในห้องถัดไป ในสภาวะที่คนทั่วไปเค้าไม่ทำกันค่ะ....เอาไว้ช่วงดนตรี solo แล้วค่อยไปปลอบ ว่างั้น....

8ตัวละครในมิวสิคจะไม่ใช้รถยอดนิยมอย่างซีวิค โคโรลล่า ซันนี่ เด็ดขาด เนื่องจากเค้าเป็นคนส่วนน้อยที่มีฐานะของสังคม จึงมีแนวโน้มที่จะใช้รถราคาแพงกว่านั้น (ราคาควรมากกว่า 1 .8 ล้านขึ้นไป)

9แต่ถ้าตัวละครไม่รวย เค้าจะเลือกใช้รถที่เก่ากว่า แต่หาได้ไม่ยากนัก เช่น รถเต่า เป็นต้น (ไม่มีทางขับโคโรลล่าค่ะ ขอร้อง....)

10 ถ้านางเอกหรือพระเอกอกหักเนื่องจากมีมือที่สามมาแย่งไป มือที่สามจะต้องรวยกว่า และใช้รถราคาไม่ต่ำกว่า 6 ล้าน - โปรดสังเกตความแตกต่างของราคารถค่ะ

11 ถ้าคิดฉากอะไรให้เข้ากับเนื้อเพลงไม่ออก ให้ทำอย่างนี้ ให้นางเอกกับพระเอกไปเดินตามรางรถไฟโดยไม่ทราบสาเหตุ ตัดภาพบ่อยๆ เข้าไว้ ให้นางเอกกับพระเอกไปเดินตามถนน โดยไม่ทราบสาเหตุ ตัดภาพบ่อยๆ เข้าไว้เหมือนกัน ให้นักร้องไปยืนร้องในทุ่งที่มีหญ้าสูงประมาณไม่เกิน 2 ฟุต (หรืออาจพิจารณาไร่ดอกทานตะวัน สวนส้ม เป็น option)

12 ไม่ว่าใครจะอกหักหรือชีวิตรันทดกินไม่ได้นอนไม่หลับอย่างไร บนโต๊ะต้องมีแจกันที่มีดอกไม้พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง

13 ถ้ามีฉากที่ต้องเล่นดนตรีทั้งวงเครื่องดนตรีครบ ห้ามนักดนตรียิ้ม

14 แดนเซอร์ ถ้าเป็นเพลงเต้น กรุณาหาคนที่มีผิวคล้ำหน่อยมาเต้น ถ้าเป็นลูกครึ่งผิวดำเลยจะเยี่ยมมาก ถ้าเป็นเพลงลูกทุ่ง หาใครก็ได้ เต้นพร้อมไม่พร้อมไม่เป็นไร แต่ให้ชุดโป๊ๆ เว่อร์ๆ หน่อยนะโยม....

15 ในมิวสิคจะไม่มีฤดูร้อน หากสังเกตจากการแต่งกาย ในเพลงแดนซ์จะเป็นฤดูหนาว (ฮู้ด เสื้อกันฝน เสื้อแขนยาว กางเกงสี่ส่วน) ในเพลงอกหักจะเป็นฤดูฝน และในเพลงรักจะเป็นฤดูใบไม้ผลิ

16 นางเอกมิวสิค มีแนวโน้มที่จะผมยาวและปล่อยผม

17 ถ้าคุณได้เป็นนางเอกมิวสิค ไม่ต้องห่วงเรื่องการแต่งหน้า เพราะมันจะอยู่ติดตราตรึงอยู่บนหน้าของคุณ ตั้งแต่เช้า เข้านอน บนเตียง (ตอนที่นอนคิดถึงเค้าคนนั้นไง) จนกระทั่งเช้าอีกวันหนึ่ง

18 ห้ามเข้าห้องน้ำในมิวสิควีดิโอ หรือถ้าจำเป็นต้องเข้าจริงๆ อนุญาตให้แปรงฟันกับโกนหนวดเท่านั้น

19 ถ้ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น จะมีเลือดออกที่มุมปากเสมอ (ถ้ายังมีเหลือ กลัวเสียดายของ อนุญาตให้มีออกทางจมูกอีกนิดหน่อย) ไม่อนุญาตให้มีเลือดออกหู

20 สิ่งของที่แตกหักง่ายมักจะมีโอกาสตกพื้นมากกว่าของอื่นๆ โดยมีลำดับดังนี้ แก้วน้ำ โอกาสตก 50% แจกัน โอกาสตก 30% กระจก โอกาสตก 15% อื่นๆ โอกาสตก 5%

21 ถ้ามีอะไรตกแตก มันจะตกเป็นภาพสโลว์โมชั่นให้คุณเห็นได้จากด้านบนเสมอ

22 ถ้าแจกันหรือแก้วน้ำตกแตก ในนั้นจะต้องมีน้ำบรรจุไว้ 1 ใน 3 ถึง 2 ใน 3 ของความจุ

23 หลังจากมีอะไรตกแตก ภาพที่เกิดหลังจากนั้น ใครซักคนยืนนิ่งทำหน้าเฉยอยู่ตรงนั้น อีกคนวิ่งหนีออกไป เห็นเส้นผมปลิวตอนสะบัดหน้า (ร้องไห้หรือไม่ก็ตามจาย...)

24 มือกลอง มือคีย์บอร์ด มือเบส จะไม่ได้ออกทีวีแบบเห็นหน้าชัดๆ โอกาสเดียวของนักดนตรีคือ มือลีดกีต้าร์ช่วงไม่มีเนื้อเพลงค่ะ

25 ถ้านักดนตรีไม่หล่อแล้วจะถ่ายภาพทั้งวง เค้าจะถูกบดบังด้วยแว่นดำ หรือไม่ก็โดนทำเบลอ

ทรงผมแนวๆ ของเด็ก Emo



















9 เทคนิค ฝึกสมองให้ไบร์ท

9 เทคนิค ฝึกสมองให้ไบร์ท



1. จิบน้ำบ่อย ๆ

สมองประกอบด้วยน้ำ 85 % เชลล์สมองก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็เหี่ยว ถ้าไม่อยากให้เชลล์สมองเหี่ยว ซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้า กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก แต่ละวันจึงควรดื่มน้ำบ่อย ๆ



2. กินไขมันดี

คนไม่ค่อยรู้ว่าสมองคือก้อนไขมัน ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ แนะนำให้กินไขมันดีระหว่างวัน จำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วย ปลาที่มีไขมันดีอย่าง ปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง วิตามินรวม น้ำมันพริมโรสเป็นน้ำมันดี ที่ทำให้เชลล์ชุ่มน้ำ ส่วนวิตามินซีกินแล้วสดชื่น



3. นั่งสมาธิวันละ 12 นาที

หลังจากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติและนั่งสมาธิทุกเช้า วันละ 12 นาที เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายสุด ๆ ทำให้สมองมี Mental Imagery สามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ ( ถ้าทำไม่ได้ตอนเช้า ) ให้หัดทำก่อนนอนทุกวัน



4. ใส่ความตั้งใจ

การตั้งใจในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมองว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิด ระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้น ทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่าง ๆ เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่ทำจริงกับสิ่งที่คิดขึ้น ทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน



5. หัวเราะและยิ้มบ่อย ๆ

ทุกครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข หลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้นให้มีความอยากรักและหวังดีต่อคนอื่นไปเรื่อยๆ



6. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน

สิ่งใหม่ในที่นี้หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารร้านใหม่ ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่ คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา เป็นต้น เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ทำให้สมองหลั่งสารเอ็นโดรฟิน และโดปามีน ซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และสร้างสรรค์ ไปเรื่อย ๆ เมื่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์



7. ให้อภัยตัวเองทุกวัน

ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง ทำให้เปลืองพลังงานสมอง การให้อภัยตัวเอง เป็นการลดภาระของสมอง



8. เขียนบันทึก Graceful Journal

ฝึกเขียนขอบคุณสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มีครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพที่ดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข เป็นต้น เพราะการเขียนเรื่องดี ๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์



9. ฝึกหายใจลึก ๆ

สมองใช้ออกชิเจน 20 25 % ของออกชิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย การฝึกหายใจเข้าลึก ๆ จึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกชิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น ถ้านั่งทำงานนาน ๆ อาจหาเวลายืนหรือเดินยึดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ่ สามารถหายใจเอาออกชิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก 20 %


การมีสมองที่ดีก็เหมือนทักษะทุกอย่างในโลกที่เรียนรู้ได้ แต่จะเก่งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ถ้าเราดูแลและฝึกฝนสมองให้ดี คุณภาพชีวิตก็จะดีตาม

18 คำตอบ เวลาที่คุณรู้สึกไม่มีเรี่ยวแรง





18 คำตอบ เวลาที่คุณรู้สึกไม่มีเรี่ยวแรง เวลาที่เราอ่อนเพลีย เรามักโทษความเครียดและการนอนน้อย แต่ยังมีสิ่งผิดปกติอื่นอีกที่สามารถสูบพลังจนหมดตัวคุณได้ โชคดีที่เรามีวิธีเรียกพลังใจและกายกลับคืนมา




1.ใช้โทรศัพท์มากเกินไป



คุณจะเสียน้ำในร่างกายไปทางปากขณะพูด ซึ่งเป็นอาการที่เรียกว่า "phone-fatigue" ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่สำหรับพนักงานตามศูนย์บริการลูกค้า อาการขาดน้ำทำให้เลือดแข็งตัวและลดปริมาณออกซิเจนในระบบที่เป็นตัวให้พลังงาน ดังนั้น ถ้าคุณใช้โทรศัพท์นาน ควรดื่มน้ำมากๆ ระหว่างคุย




2.ความดันเลือดต่ำ



ความดันเลือดต่ำคือสาเหตุใหญ่ที่คุณหมดแรง แพทย์ยังไม่รู้ว่าทำไม แต่เป็นไปได้ว่ามันทำให้เลือดส่งไปยังสมองไม่เต็มที่ ซึ่งอาจทำให้อ่อนเพลีย อาการที่พบได้บ่อยที่สุดในคนที่มีความ ดันเลือดต่ำคือ รู้สึกหน้ามืดเวลาลุกขึ้นปุปปับ หรือเวลายืนนานๆ ถ้าคุณมีอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์




3.เล่นเน็ตดึกเกินไป



ฮอร์โมนเมลาโทนินจะกระตุ้นให้เรานอนหลับ แต่แสงจากจอคอมพิวเตอร์ อาจทำให้เราหลับยาก โดยเฉพาะเมื่อคุณกำลังดูสิ่งที่สนใจอยู่ ซึ่งทำให้คุณมักนอนดึก และมีเวลานอนหลับน้อยลง ให้คุณทำอย่างอื่นที่ผ่อนคลายกว่า เช่น อ่านหนังสือแล้วดูสิว่า คุณจะตื่นตัวมากกว่าเดิมในวันใหม่หรือเปล่า




4.กินอาหารไม่เต็มที่



การเฝ้ารออาหารจะเพิ่มปริมาณน้ำย่อย และทำให้เราดูดซับสารอาหารได้มากขึ้น ที่มันเกี่ยวกับอาการอ่อนเพลียก็เพราะการขาดธาตุเหล็กคือหนึ่งในสาเหตุของความอ่อนเพลียที่พบมากในผู้หญิง ดังนั้นไม่ว่าอะไรที่เพิ่มระดับสารอาหารให้คุณ ก็จะเพิ่มพลังใจและกายให้ด้วย



5.ไม่ออกกำลัง



นักวิจัยพบว่าคนที่ออกกำลังอย่างน้อย 20 นาที แม้จะแค่อาทิตย์ละครั้งก็จะรู้สึกอ่อนเพลียน้อยกว่าคนที่ไม่ออกกำลังเลยปร ะมาณ 30% ถ้าเห็นว่าออกกำลังเป็นเรื่องยากเกินไป ให้คุณกินผักและผลไม้เพิ่ม คนที่กินผักผลไม้อย่างน้อย 4-5 จานต่อวันจะออกกำลังได้อย่างสบายๆ



6.อิทธิพลของเดือนเกิด



ถ้าคุณเกิดเดือนธันวาคม หรือมกราคม จะอ่อนเพลียใหนช่วงเย็นมากกว่าคนที่เกิดเดือนมิถุนายน หรือกรกฎาคมที่จะขี้เซาในยามเช้า นักวิทยาศาสตร์บอกว่า การสัมผัสของแสงแดดยามเช้าประมาณ 15 นาที จะทำให้คนประเภทหลังตาสว่าง ส่วนกาแฟยามบ่ายจะเพิ่มพลังให้กับคนประเภทแรก



7.กรามแข็ง



คุณสามารถใส่นิ้ว 3 นิ้วเรียงเป็นแนวตั้งเข้าปากพร้อมกันหรือเปล่า ถ้าไม่ได้ คุณคงมีปัญหาที่เรียกว่าโรค TMJ (temporomandi bular joint) แพทย์บอกว่ามันคือความไม่สมดุลระหว่างกล้ามเนื้อใกล้กราม และตำแหน่งของฟัน อาการทั่วไปคืออ่อนเพลียและปวดหัว ปวดคอ หรือไหล่ ควรปรึกษาทันตแพทย์



8.ธรณีหน้าต่างสกปรก



จากการวิจัยพบว่า 88% ของบ้านทั่วไปจะมีราขึ้นตามหน้า ต่าง และการแพ้เชื้อราเหล่านี้เองคือ สาเหตุหนึ่งของความอ่อนเพลีย ใช้ผงซักฟอกทำความสะอาดและตรวจดูผ้าม่านอาบน้ำของคุณด้วยว่ามีราหรือเปล่า




9.ไม่ได้เอาผ้าห่มไปผึ่งแดด



ระดับความขึ้นสูงทำให้ไรฝุ่นเติบโตได้ดี มันอาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบตามหลอดลมในปอด ทำให้หายใจติดขัดและนอนหลับไม่สนิท และเป็นสาเหตุของความอ่อนเพลียในวันต่อมา นำผ้าห่มผึ่งแดดเป็นประจำ เมื่อความชื้นหมดไป ก็ไม่มีไรฝุ่น



10.เชื่องช้า งุ่มงาม



ร่างกายจะใช้พลังงานมากขึ้นเมื่อคุณงุ่มง่าม เพราะปริมาณกลูโคสเข้าสู่สมองน้อยลง คุณเลยอ่อนเพลีย การผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเครียดทำได้โดยเหวี่ยงแขนไปหน้าและหลัง สลับทีละแขน



11.อยู่ใกล้คนมองโลกในแง่ร้าย



คนที่มองทุกอย่างในแง่ร้ายจะฉุดพลังคุณหดหายไปด้วย เพื่อลดอิทธิพลของพวกเขา ให้จินตนาการว่าคุณกำลังใส่เสื้อคลุมสีดำเวลาคุยกัน ก็จะยับยั้งไม่ให้คุณดูดพลังแง่ลบจากพวกเขาได้



12.อยู่ใกล้เครื่องใช้



ไฟฟ้ามากเกินไป ขั้วบวกที่มาจากอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ หรือเครื่องปรับอากาศอาจกระตุ้นให้เกิดฮอร์โมนที่ทำให้เราอ่อนเพลียและซึมเศร้า ให้เสียบปลั๊กตัวแปลงขั้วไฟฟ้าเพื่อเพิ่มระดับของขั้วลบที่เสริมพลังในอากาศ



13.ลืมดื่มกาแฟตอนเช้า



ถ้าคุณไม่ได้ดื่มกาแฟยามเช้า พลังกายและใจอาจตกวูบในวันนี้ จากงานวิจัยพบว่า ผู้ร่วมวิจัย 50% มีอาการอ่อนเพลียถ้าไม่ได้ดื่มกาแฟถ้วยแรกของวัน ซึ่งมีถึง 13% ที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย



14.บ้านรก



ผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ยบอกว่ากองสิ่งของรกเกะกะ จะทำให้สถานที่นั้นขาดพลัง และกระตุ้นให้คุณขาดพลังไปด้วย คุณไม่ต้องถึงกับเก็บทุกอย่างในทันที แค่สะสางพื้นที่อาทิตย์ละครั้งก็ใช้ได้




15.ร่างกายมีปัญหา



แม้ว่าการเจ็บหน้าอก คือสัญญาณหลักๆ บอกถึงอาการโรคหัวใจ แต่สำหรับเพศหญิง สัญญาณนั้นอาจเป็นความอ่อนเพลีย ซึ่งมีมากถึง 70% ที่อ่อนเพลียภายในเดือนนั้น ก่อนหัวใจกำเริบ สัญญาณอื่นๆ อาจรวมถึงการนอนไม่หลับ หายใจขาดห้วง อาหารไม่ย่อยและความเครียด 43% ของผู้หญิงไม่มีอาการเจ็บหน้าอกเลย แม้โรคหัวใจจะกำเริบก็ตาม พบผู้หญิงวัยก่อนหมดประจำเดือนเป็นโรคหัวใจน้อยมาก แต่ถ้าคุณรู้สึกไม่ดี ควรตรวจร่างกาย โดยเฉพาะถ้าคุณมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น สูบบุหรี่ ความดันเลือดสูง คลอเรสเตอรอลสูง เป็นเบาหวาน หรือคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจ



16.กลั้นหาว



การหาวเป็นวิธีธรรมชาติที่ร่างกายของเรากระตุ้นให้เราตื่น นักจิตวิทยาบอกว่าการเคลื่อนไหวของกรามจะบีบหลอดเลือดบนใบหน้า ซึ่งส่งเลือดไปยังสมอง การกลั้นหาวจึงเป็นการยับยั้งกระบวนการนี้และทำให้คุณยิ่งง่วงนอนมากขี้น




17.ใช้ชีวิตตามตาราง



ตารางกิจกรรมที่เตือนคุณทุกอย่างว่า ต้องทำอะไรบ้าง คือตัวดูดพลังชั้นดี นักวิจัยพบว่าคนที่คิดว่าเขาทำอะไรไปได้มากแค่ไหน มักจะอ่อนเพลียง่ายกว่าคนที่ทำสิ่งที่ต้องทำไปเรื่อยๆ



18.หมอนเก่าเกินไป



ถ้าหมอนของคุณยวบยาบไม่แข็งพอ จะทำให้ลำคอของคุณไม่ได้ระนาบเดียวกับลำตัว ซึ่งไม่เพียงทำให้กล้ามเนื้อตึงตัวซึ่งทำให้คุณนอนไม่หลับแล้ว ยังไปกีดขวางระบบการหายใจเวลาคุณหลับด้วยถ้าหมอนของคุณอ่อนนิ่มจนโอบรอบแขนคุณได้ ก็ถึงเวลาซื้อใบใหม่แล้ว

ข่าวอัพเดต

เว็บบอร์ด

Google

Google

งานราชการ

แจกโค๊ดฟรี ทุกอย่าง ที่นี้

MSN

สถานีวิทยุออนไลน์

อัลบั้มรูปสาวๆน่ารัก

วีดีโอคลิป Video Clip

เพลง นิยาย Retrospect เพราะมากกก

เกมออนไลน์

หมวดต่างๆ