วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2551
สารบัญเว็บไทย
width="580" allowtransparency name="I1">
แผนที่ประเทศไทย
width="500" allowtransparency name="I1">
วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2551
สัญลักษณ์ของการเขียนblog
200 เคล็ดลับเก่งคอมพิวเตอร์
โหลดช้านิด...นึงนะค่ะ
อดใจรอหน่อยละกานนะ
แล้ววันหลังจะเอาวีดีโอเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์อีก
มาติดรูปภาพให้บล็อกกันดีก่า
Lable จัดหมวดหมู่บทความ
สอนใส่ Code Html ใน New Blogger ค่ะ
จากนั้น จะเห็นหน้าเป็นรูปแบบนี้ค่ะ ให้คลิกที่ Template
จากนั้นให้มองหา Add a Page Element แล้วคลิกเลยค่ะ
เครื่องมือฟรี SPA ช่วยแสดงหน้าเพจ ก่อนเข้าไปดู
การปรับแต่งใส่รูปภาพบนHeade ของบล็อก ที่เราสร้างเอง
1. ทำการ Log In เข้าไปที Account บล็อกของเรา
2. เข้าไปที่ Lay Out แท็ป Page Elements
3. ให้สังเกตที่ Header คลิกที่ Edit จะมีช่องให้เรากรอก
4. ให้เลือกรูปที่จะใส่จาก “From the Web” ซึ่งหมายความว่ารูปที่ MeoMee ใช้นั้นจะมาจาก รูปภาพที่ได้โหลดขึ้นบล็อกแล้ว และเอาลิงก์ที่อยู่ URL มาใส่ ซึ่งรูปภาพก็ไม่ไปฝากที่ไหนไกล ก็ทำการอัพโหลดกับบทความของ Blogger.com นี่หล่ะค่ะ
5. จากนั้นคลิกเลือกใช้ Instead of title and description คือ ให้ใช้ภาพแทน ชื่อบล็อกและ รายละเอียดของบล็อก
6. รอรูปภาพให้ดาวน์โหลด จนเสร็จ จะขึ้นรูปภาพแบบนี้ค่ะ
7. จากนั้นให้คลิกที่ SAVE
เท่านี้เราก็ได้ Header ที่เราเปลี่ยนแปลงเองได้แล้วค่ะ ที่จริงมีอีกหลายคำถามรอให้มี่ตอบในบทความต่อไปละกันนะคะ
การแสดงโค๊ดในบทความ
ก่อนดังนี้
การสมัครสมาชิก Blogspot
การสมัครสมาชิก
ต้องมีบัญชี Gmail ในการเข้าสู่ระบบหรือเปลี่ยนการใช้งานหรือไม่ ?เราไม่ได้กำหนดให้คุณต้องมีที่อยู่ Gmail ในการเข้าสู่ Blogger หรือสร้างบัญชีผู้ใช้ Google ถ้าคุณไม่มีหรือไม่ต้องการบัญชี Gmail สามารถสร้างบัญชีผู้ใช้ Google ได้ บัญชีผู้ใช้ Google ประกอบด้วยที่อยู่อีเมลและรหัสผ่านใดก็ได้ที่คุณเลือก
อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณมีบัญชี Gmail อยู่แล้ว บัญชีดังกล่าวจะมาพร้อมกับบัญชีผู้ใช้ Google ในตัว ซึ่งคุณสามารถใช้เชื่อมโยงกับบัญชี Blogger ได้
โดยท่านสมัครสมาชิกได้เว็บใดเว็บหนึ่ง ซึ่งสมัครได้ที่
- www.gmail.com
วิธีการสมัคร
1. คลิกที่ "สมัครเข้าใช้งาน e-mail"
2. กรอกรายละเอียดของท่านให้ครบถ้วนนะค่ะ
3. คลิกที "ดำเนินการต่อไป"
4. จากนั่นไปที่ "ฉันพร้อมแล้ว นำฉันไปยังบัญชี"
5. เสร็จสิ้นการสมัคร
หรือ www.google.com
วิธีการสมัคร
1. คลิกที่มุมขวาบน "เข้าสู่ระบบ"
2. คลิกที่ สร้างบัญชีผู้ใช้เดี๋ยวนี้
3. กรอกข้อมูลของท่านให้ครบถ้วนนะค่ะ
4. เสร็จแล้วคลิกที่ข้างล่างสุด "ฉันยอมรับ โปรดสร้างบัญชีของฉัน"
5. ไปที่ "คลิกที่นี้เพื่อดำเนินการต่อ"
เมื่อสมัครดังกล่าวเรียบร้อย จากนั่นเราก็เข้าสมัครblog ได้เลย
ได้ที่ www.blogspot.com
ขั้นตอนการสมัคร
1. คลิกที่ "สร้างblog ของคุณทันที"
2. จากนั้นสร้างบัญชี โดยกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน แล้วติกเครื่องหมายถูก ตรงที่ "ข้าพเจ้ายอมรับข้อตกลงการใช้บริการ แล้วคลิกที่ "ดำเนินการต่อ"
3. จากนั่น ตั้งชื่อเว็บไซต์นะค่ะ กรอกข้อมูลทั้งหมด
4. คลิกที่ "ดำเนินการต่อ"
5. จากนั้นเลือกแม่แบบ ที่ต้องการ แล้วคลิกที "ดำเนินการต่อ"
6. คลิกที "เริ่มต้นการเขียน Blog"
7. จากนั้นเขียน Blog ของคุณที่คุณสนใจ
8. แค่นี้ก็เป็นอันสิ้นสุด นะค่ะ
เมื่อเข้าสู่ระบบ
1. ไปที่ "ลงชื่อเข้าใช้งานด้วยบัญชีผู้ใช้ Google ของคุณ"
2. พิมพ์ ชื่อผู้ใช้ หรือ อีเมล์ และพิมพ์ รหัสผ่าน
3. คลิกที่ "ลงชื่อเข้าใช้"
คุณลักษณะของ Blogspot
เผยแพร่เสียงของคุณได้ง่ายๆ และฟรี
สร้างบล็อกของคุณด้วย Blogger ด้วยขั้นตอนง่ายๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน คุณสามารถเริ่มต้นส่งข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และอื่นไปยังบล็อกของคุณได้ในไม่กี่นาที ส่งข้อความฟรีได้บ่อยเท่าที่ต้องการ ดูบทความ วิธีเริ่มต้น หรือดู วิธีสร้างบล็อกด้วยวิดีัโอของ Blogger
ส่วนติดต่อที่ใช้งานง่าย
ทำตามขั้นตอนพื้นฐานสองสามขั้นตอนเพื่อ เริ่มต้นการส่งบทความไปยังบล็อกของคุณ ส่วนติดต่อที่ใช้งานง่ายของเราจะช่วยให้คุณสามารถเปลี่ยนแบบอักษร ทำให้ข้อความเป็นตัวหนาหรือตัวเอียง ปรับสีของข้อความและการจัดเรียง และอื่นๆ อีกมากมาย ขณะที่คุณเขียนบทความใหม่ในบล็อก Blogger จะ บันทึกบทความไว้โดยอัตโนมัติ โดยไม่รบกวนการพิมพ์ของคุณ นอกจากนี้ยังมี คุณลักษณะตรวจการสะกด ที่ใช้งานง่าย และวิธี เพิ่มป้ายกำกับไปยังบทความของคุณและ Blogger ยังมี เครื่องมือแำ้ก้ไข HTML ซึ่งช่วยให้คุณสามารถกำหนดลักษณะของบทความของคุณเองได้อย่างเต็มที่
เว็บไซต์ฟรี
ของคุณเมื่อคุณสร้างบล็อก คุณสามารถใช้พื้นที่บล็อกฟรีได้ที่ Blog*Spot เพียงเลือก URL ที่ใช้ได้ และคุณก็พร้อมแล้ว หากคุณเปลี่ยนใจและ ต้องการ URL อื่น ในภายหลัง ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่าย Blogger ยังมีตัวเลือก โดเมนที่กำหนดเอง คุณสามารถตั้งชื่อโดเมน เช่น example.com และเราจะให้บริการบล็อกของคุณที่โดเมนนั้น พร้อมด้วยคุณลักษณะดีๆ ทั้งหมดจาก Blogger
กำหนดแม่แบบเอง
คุณสามารถเลือกจาก แม่แบบจำนวนมาก สำหรับบล็อกของคุณ เพียงเลือกแม่แบบที่เหมาะกับความต้องการของคุณมากที่สุด นอกจากนี้ คุณสามารถ กำหนดการออกแบบของบล็อกของคุณเอง โดยใช้ส่วนติดต่อแบบลากและวางที่ใช้งานง่ายของเรา และคุณสามารถเพิ่ม Gadget ที่มีประสิทธิภาพ เช่น สไลด์โชว์ แบบสำรวจผู้ใช้ หรือแม้แต่ โฆษณาของ AdSense เปลี่ยน แบบอักษรและสี บนบล็อกของคุณได้ง่ายเช่นกัน ถ้าคุณต้องการควบคุมเลย์เอาต์ของบล็อกได้แม่นยำยิ่งขึ้นอีก คุณสามารถใช้คุณลักษณะแก้ไข HTML ได้
เพิ่มรูปภาพและวิดีโอไปยังบทความของคุณคุณ
สามารถ เพิ่มรูปภาพ ได้อย่างง่ายดาย ไปยังบทความของบล็อก ด้วยการคลิกที่ไอคอนรูปภาพในแถบเครื่องมือของเครื่องมือแก้ไขบทความ จาำกนั้น รูปภาพของคุณจะถูกวางในบัญชี ฟรี Picasa Web Albums ของคุณ ซึ่งคุณสามารถสั่งพิมพ์หรือจัดระเบียบรูปภาพลงในอัลบั้มได้ การเพิ่มวิดีโอ ไปยังบทความเป็นสิ่งที่ทำได้ง่าย เพียงคลิกไอคอนแผ่นฟิล์มบนแถบเครื่องมือของเครื่องมือแก้ไขบทความเพื่อเริ่มต้น วิดีโอที่อัปโหลดผ่าน Blogger จะใช้พื้นที่บน Google Video
คุณลักษณะเพิ่มเติม
ข้อเสนอแนะจากผู้อ่าน
Blogger ช่วยให้ผู้อ่านสามารถ ฝากความคิดเห็น ในบทความบนบล็อกได้อย่างง่ายดาย ซึ่งจะทำให้คุณได้รับข้อเสนอแนะที่มีประโยชน์และเป็นปัจจุับัน คุณและผู้อ่านยังสามารถเลือกที่จะรับการแจ้งความคิดเห็น ทางอีเมล หรือจากฟีด สำหรับการจัดการที่มากขึ้น คุณสามารถ ดูแลความคิดเห็น ในบล็อกของคุณได้
การแจ้งบทความใหม่
ผู้อ่านของคุณสามารถเลือกที่จะสมัครเป็นสมาชิกฟีดของบล็อกของคุณ เพื่อให้ได้รับการแจ้งเมื่อคุณเผยแพร่บทความใหม่บนบล็อก นอกจากนี้ คุณสามารถ กำหนดสิ่งที่ใช้ร่วมกัน ในฟีดบล็อกของคุณ และตั้งค่าบล็อกให้ส่งอีเมลบทความใหม่ไปยังที่อยู่อีเมลหรือรายชื่อการส่งอีเมลที่ระบุได้โดยอัตโนมัติ
ID แบบง่ายเพียงหนึ่งเดียว
เนื่องจากคุณสามารถเข้าสู่ Blogger ด้วย บัญชีผู้ใช้ Google ของคุณ ซึ่งยังให้สิทธิ์การเข้าถึง Gmail, iGoogle, orkut และอื่นๆ แก่คุณด้วย — คุณจะมีชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านที่ต้องคอยจดจำน้อยลงอีกหนึ่งชื่อ นอกจากนี้ ที่อยู่บล็อกของคุณยังใช้เป็น OpenID เพื่อให้ข้อมูลประจำตัวแบบดิจิทัลชุดเดียวสำหรับทั้งเว็บไซต์ เนื่องจากบล็อกของคุณสามารถยอมรับความคิดเห็นจากผู้ใช้ OpenID นอกเหนือจากสมาชิกของ Blogger ที่ลงทะเบียน จึงทำให้ผู้อ่านทั้งหมดสามารถฝากข้อเสนอแนะไว้ได้ง่ายขึ้น รวมถึงเข้าร่วมการสนทนาได้ง่ายเช่นกัน
ภาษาทั่วโลก
ขณะนี้คุณสามารถใช้ Blogger ได้ใน 41 ภาษา เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน สเปน ดัตช์ โปรตุเกส จีน ญี่ปุ่น และเกาหลี ผู้้ใช้ที่พูดภาษา อาหรับ ฮิบรู และเปอร์เซีย สามารถใช้การแสดงและการจัดรูปแบบที่เป็นแบบขวาไปซ้าย และสามารถใช้ การถอดเสียง ได้ในภาษาตระกูลอินดิคห้าภาษา
คุณลักษณะขั้นสูง
ส่งบทความขณะเดินทาง
Blogger สนับสนุน การเขียนบล็อกในแบบเคลื่อนที่ เพียงส่ง MMS ที่มีรูปภาพ ข้อความ หรือทั้งสองอย่างไปที่ go@blogger.com เพื่อเริ่มต้นใช้งาน นอกจากนี้ คุณยังสามารถส่งบทความไปยังบล็อกของคุณ ทางอีเมล ด้วยการสร้างที่อยู่อีเมล Mail-to-Blogger ที่เป็นความลับ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด การส่งบทความไปยังบล็อกของคุณ เมื่อใดและที่ใดก็ได้ที่คุณต้องการจะกลายเป็นเรื่องง่าย
การเขียนบล็อกเป็นกลุ่ม
เมื่อใช้ Blogger การ สร้างบล็อกของทีม ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย ช่วยให้นักเขียนบล็อกจำนวนมากสามารถร่วมเขียนบล็อกเดียวกันได้ คุณสามารถเลือกสมาชิกของทีมที่มีสิทธิ์ในการจัดการ และสมาชิกที่จะเป็นเพียงผู้เขียน นอกจากนี้ คุณสามารถเลือกที่จะ ทำให้บล็อกเป็นส่วนตัว และจำกัดผู้ที่สามารถเข้าชมได้ ซึ่งจะทำให้คุณสามารถควบคุมบล็อกของคุณได้อย่างเต็มที่
แอปพลิเคชันของบุคคลที่สามคุณสามารถเลือก แอปพลิเคชันของบุคคลที่สาม มากมาย ซึ่งผสานรวมกับ Blogger เพื่อทำให้การสร้างบล็อกง่ายขึ้นสำหรับคุณ และอย่าพลาด code.blogger.com หากคุณเป็นนักพัฒนาและต้องการสร้างแอปพลิเคชันที่ยอดเยี่ยมของคุณเอง
คุณลักษณะมากมายกว่าเดิม...
เรากำลังพัฒนาคุณลักษณะใหม่ของ Blogger อย่างต่อเนื่อง โปรดดู Blogger Buzz เพื่อให้ทราบถึงการเพิ่มเติมและเปลี่ยนแปลงล่าสุดอยู่เสมอ หากคุณต้องการทดลองใช้คุณลักษณะทดสอบ โปรดดู Blogger แบบร่าง และหากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเิติมเกี่ยวกับคุณลักษณะของ Blogger โปรดเข้าสู่ ไซต์ช่วยเหลือของ Blogger หรือ กลุ่มการสนทนา เมื่อต้องการดูสิ่งที่บุคคลอื่นกำลังส่ง โปรดดู บล็อกแนะนำ และ Blogger Play เราหวังว่าคุณจะชอบสิ่งที่เราสร้าง
บล็อกคืออะไร
บล็อกเป็นไดอารีส่วนบุคคล ห้องฟังเทศน์ พื้นที่สำหรับความร่วมมือ เวทีแสดงออกทางการเมือง ห้องกระจายข่าว การเก็บรวบรวมลิงก์ ความคิดส่วนตัวของคุณ บันทึกสำหรับคนทั่วโลก
บล็อกของคุณจะเป็นอะไรก็ได้ตามที่ใจต้องการ เรามีบล็อกนับล้าน ทุกรูปแบบและทุกขนาด และไม่มีกฎตายตัว
กล่าวง่ายๆ บล็อกก็คือเว็บไซต์ ซึ่งคุณสามารถเขียนเรื่องต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่อง เรื่องใหม่จะปรากฏด้านบนสุด เพื่อให้ผู้เยี่ยมชมสามารถอ่านสิ่งที่มาใหม่ จากนั้นจะสามารถแสดงความคิดเห็นหรือสร้างลิงก์ หรือส่งอีเมลถึงคุณ หรือไม่ทำอะไรเลย
นับตั้งแต่ Blogger เปิดตัวในปี ค.ศ. 1999 บล็อกก็ได้เปลี่ยนโฉมหน้าของเว็บ สร้างผลกระทบต่อการเมือง เขย่าวงการสื่อสารมวลชน และทำให้คนนับล้านได้แสดงออกและติดต่อกับบุคคลอื่น
และเรามั่นใจว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
เผยแพร่ ความคิดของคุณ
บล็อกเป็นกระบอกเสียงของคุณเองในเว็บ และเป็นพื้นที่สำหรับเก็บและแลกเปลี่ยนสิ่งที่คุณสนใจ — ไม่ว่าจะเป็นความเห็นเกี่ยวกับการเมือง ไดอารีส่วนบุคคล หรือลิงก์ไปยังเว็บไซต์ที่คุณต้องการจดจำ
ผู้คนจำนวนมากใช้บล็อกเพื่อจัดระเบียบความคิดของตัวเอง ในขณะที่บางคนมีผู้ฟังนับพันที่มีอิทธิพลจากทั่วโลก นักสื่อสารมวลชนมืออาชีพและสมัครเล่นใช้บล็อกเพื่อเผยแพร่ข่าว ส่วนนักเขียนบันทึกส่วนบุคคลใช้บล็อกเพื่อแสดงความคิดของตน
ไม่ว่าคุณอยากจะบอกอะไร Blogger ช่วยคุณพูดสิ่งนั้นได้
ชักชวน เพื่อนเข้าร่วม
Blogging ไม่ใช่แค่การแสดงความคิดของคุณบนเว็บเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของการติดต่อและรับฟังบุคคลอื่นที่อ่านผลงานของคุณและใส่ใจที่จะตอบสนอง เมื่อใช้ Blogger คุณจะสามารถควบคุมว่าใครสามารถอ่านและเขียนในบล็อกของคุณ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเพื่อนสนิทหรือคนทั้งโลก!
ความคิดเห็นของ Blogger ให้ทุกคนจากทุกที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความของคุณ คุณสามารถเลือกว่าจะยอมให้มีความคิดเห็นสำหรับแต่ละบทความหรือไม่ และคุณสามารถลบความคิดเห็นใดก็ตามที่คุณไม่ชอบได้
การควบคุมการเข้าถึง ช่วยให้คุณสามารถเลือกว่าผู้ใช้คนใดสามารถอ่านหรือเขียนข้อมูลในบล็อกของคุณ คุณสามารถใช้บล็อกของกลุ่มที่มีผู้เขียนหลายคนเป็นเครื่องมือการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพสำหรับทีมขนาดเล็ก ครอบครัว และกลุ่มอื่นๆ หรือในฐานะผู้เขียน คุณสามารถสร้างพื้นที่ออนไลน์ส่วนบุคคลสำหรับการเก็บรวบรวมข่าวและความคิดต่างๆ เพื่อเก็บไว้เอง หรือแลกเปลี่ยนกับผู้อ่านได้มากตามที่คุณต้องการ
ข้อมูลส่วนตัวใน Blogger ช่วยให้คุณสามารถค้นหาบุคคลและบล็อกที่มีความสนใจร่วมกับคุณได้ ข้อมูลส่วนตัว Blogger ของคุณ ซึ่งเป็นที่ที่คุณแสดงบล็อก ความสนใจ และอื่นๆ จะช่วยให้บุคคลอื่นหาคุณพบ (เฉพาะในกรณีที่คุณยินยอมให้ค้นหาได้)
ออกแบบ บล็อกของคุณ
ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นบล็อกของคุณ หรือคิดว่าได้เวลาเปลี่ยนโฉมหน้าของบล็อกที่มีอยู่แล้ว เครื่องมือแก้ไขที่ใช้งานง่ายของ Blogger จะช่วยให้คุณสามารถออกแบบหน้าเว็บที่มีรูปลักษณ์น่าสนใจได้อย่างง่ายดาย
แม่แบบ — แม่แบบที่เรามีจะช่วยให้คุณเริ่มต้นด้วยไซต์ที่น่าสนใจได้ทันที โดยไม่ต้องเรียนรู้ HTML แม้ว่า Blogger จะยอมให้คุณแก้ไขรหัส HTML ของบล็อกเมื่อใดก็ได้ที่ต้องการ
สีและแบบอักษรที่กำหนดเอง — เมื่อคุณพร้อมที่จะดำเนินการในขั้นถัดไป คุณสามารถตั้งค่าแม่แบบเพิ่มเติม เพื่อสร้างการออกแบบที่สะท้อนถึงตัวคุณและบล็อกของคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ลากและวางองค์ประกอบของหน้า — ระบบลากและวางที่แสนสะดวกของ Blogger ช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจว่าจะให้บทความ ข้อมูลส่วนตัว คลังบทความ และส่วนอื่นๆ ของบล็อกอยู่ที่ใดในหน้า
ส่ง รูป
บางครั้งคุณเพียงอยากแสดงรูปภาพ ในอินเทอร์เฟซของ Blogger มีปุ่มสำหรับการอัพโหลดรูปภาพ เพียงคุณคลิกปุ่มรูปภาพเพื่ออัพโหลดภาพถ่ายจากคอมพิวเตอร์ของคุณ ถ้าภาพถ่ายที่คุณต้องการวางในบล็อกนั้นอยู่ในเว็บอยู่แล้วก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยบอกเราว่าภาพนั้นอยู่ที่ใด
คุณสามารถส่งภาพถ่ายจากกล้องโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปยังบล็อกของคุณโดยตรง ขณะที่คุณกำลังเดินทาง ด้วย Blogger Mobile
ใช้ ระบบเคลื่อนที่
Blogger Mobile ช่วยให้คุณสามารถส่งภาพถ่ายและข้อความไปยังบล็อกของคุณโดยตรงในขณะที่เดินทาง คุณแค่ส่งข้อความถึง go@blogger.com จากโทรศัพท์ โดยไม่จำเป็นต้องมีบัญชีผู้ใช้ Blogger เพียงแค่ข้อความนั้น คุณก็สามารถสร้างบล็อกใหม่และแสดงภาพถ่ายหรือข้อความที่คุณส่ง
หลังจากนี้ ถ้าคุณต้องการอ้างสิทธิ์บล็อกระบบเคลื่อนที่หรือเปลี่ยนบทความของคุณเป็นบล็อกอื่น เพียงเข้าสู่ go.blogger.com และใช้รหัสการอ้างสิทธิ์ของ Blogger ที่ส่งถึงโทรศัพท์ของคุณ
เราสนับสนุนผู้ให้บริการระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ได้รับความนิยมส่วนใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก ถ้าผู้ให้บริการของคุณไม่สามารถใช้ Blogger Mobile คุณสามารถส่งบล็อกของคุณโดยใช้ Mail-to-Blogger
เริ่มต้น
วิธีที่ทำให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับการเขียนบล็อกได้รวดเร็วที่สุดคือ ลองเขียนบล็อกด้วยตัวคุณเอง เราได้พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะทำให้การเขียนบล็อกเป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ เพียงคลิกลิงก์ด้านล่าง คุณก็จะเป็นส่วนหนึ่งของปรากฏการณ์ที่เปลี่ยนเว็บและสื่อเป็นกิจกรรมการมีส่วนร่วม ภายในเวลาไม่ถึงห้านาที เราไม่ได้ล้อเล่น
หลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร ใครจะรู้ คุณอาจจะสนุกก็ได้
และอย่าลืม: Blogger ให้บริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ และถ้าคุณประสบปัญหา เพียงคลิกปุ่มความช่วยเหลือจากหน้าจอใดก็ได้ และคุณจะพบคำตอบที่คุณต้องการหา หรือกระทั่งยังสามารถถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนของเรา
วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2551
กลุ่มอาการเสียของคอมพิวเตอร์
1. ตรวจสอบอาการเสียของเครื่องจากเสียง Beep Code
ทุก ๆ ครั้งที่คุณเปิดใช้งานเครื่องครั้งแรก ก็จะได้ยินเสียง ปี๊ป ดังสั้น ๆ 1 ครั้ง แล้วเครื่องก็จะทำงานต่อตามปกติ แต่ถ้าเมื่อไรที่คุณได้ยินสียงมากกว่า 1 ครั้ง หรือมีเสียงดังยาว ๆ จากนั้นเครื่องก็หยุดนิ่ง ก็ทำใจไว้ได้เลยว่าเครื่องของคุณมีปัญหาแล้ว เมื่อคุณเจออาการแบบนี้ให้รีบปิดเครื่องทันที เพราะตราบใดที่เครื่องยังไม่ได้รับการแก้ไข ก็จะไม่สามารถใช้งานเครื่องได้จนกว่าจะแก้ปัญหาเสียก่อน เสียงปี๊ปที่เราได้ยินนี้จะถูกเรียกว่า Beep Code ซึ่งจะมีจำนวนครั้งไม่เท่ากัน และมีเสียงดังสั้นบ้างยาวบ้าง ลักษณะของเสียงที่แตกต่างกันนี้เองที่บอกเราว่า อุปกรณ์ชิ้นไหนมีปัญหา ดังนั้นถ้าเจอปัญหาลักษณะนี้ก็ต้องลองฟังให้ดีว่า ดังกี่ครั้ง สั้นยาวแบบไหน แล้วนำไปเทียบดูในตารางไบอสตามยี่ห้อของไบออส เพื่อจะรุ้ว่าอะไรคือต้นเหตุ แล้วจะได้หาทงแก้ไขต่อไป
2. ตรวจสอบอาการเสียของเครื่องโดยดูจากข้อความที่แจ้งบนหน้าจอ
การแจ้งปัญหาหรือความผิดปกติที่เครื่องตรวจพบด้วยข้อความบนหน้าจอ ซึ่งเราเรียกว่า Message Error นับป็นการแจ้งปัญหาอีกแบบหนึ่งที่มีประโยชน์ เพราะเราสามรถรู้ปัญหาได้ทันทีว่าอปกรณ์ตัวไหนทำงานผิดปกติ หรือไม่ก็รู้ว่าการทำงานส่วนใดมีปัญหา ซึ่งจะนำไปสู่แนวทางในการแก้ปัญหาที่ง่ายขึ่น ตัวอย่างของข้อความที่ปรากฎให้เห็นบนหน้าจอบ่อย ๆ อย่างเช่น CMOS checksum Error CMOS BATTERY State LowHDD Controller FailureDiskplay switch not proper
ดังนั้นถ้าคุณพบว่าเครื่องได้แจ้งปัญหาให้ทราบก็ให้รับหาทางแก้ไขโดยด่วน แต่ถ้าไม่สามารถแก้ไขได้ก็ให้จดข้อความบนหน้าจอไว้ เพื่อเอาไว้สอบถามผู้ที่สามารถให้คำแนะนำได้หรือเอาไวให้ช่างที่ร้านซ่อมดูก็ได้ เพื่อให้การตรวจซ่อมทำได้เร็วขึ้น
3. ตรวจสอบอาการเสียโดยดูจากความผิดปกติของเครื่องที่สามารถสังเกตุ
วิธีนี้คงต้องใช้ทักษะ ความรู้ และความชำนาญมากกว่า 2 แบบแรก เพราะจะเป็นอาการที่เครื่องไม่ได้มีอะไรแจ้งให้เราทราบเลยว่าอุปกรณ์ชิ้นไหนมีปัญหาหรือเสียหาย มีแต่ความผิดปกติที่เราสามารถสังเกตุได้ทางกายภาพ อย่างเช่น เปิดสวิตซ์แล้วไฟไม่ติด , เสียบปลั๊กแล้วเครื่องก็เปิดทันที , เปิดใช้เครื่องได้ไม่ถึง 5 นาที ระบบก็ล่ม เป็นต้น จะเห็นว่าอาการดังกล่าวนี้เครื่องไม่ได้แจ้งอะไรให้เราทราบเลยนอกจากอาการผิดปกติที่เรารับรู้ได้ ดังนั้นในการแก้ปัญหาในลักษณะนี้จึงจะต้องอาศัยผู้ที่มีประสบการณ์หรือช่างผู้ชำนาญ จึงจะสามารถวิเคราะห์ตรวบสอบ และทำการซ่อมแซมแก้ปัญหาได้
4. ตรวจสอบอาการเสียที่เราสามารถระบุอุปกรณ์ได้เลย
ปัญหาแบบนี้จะเป็นกับอุปกรณ์ที่เราใช้อยุ่เป็นประจำแต่ถ้าอยุ่ ๆ ไม่สามารถทำงาน หรือทำงานได้ไม่ดี เราก็รู้ได้ทันทีว่าอะไรเสีย อย่างเช่น ไดรว์ซีดีรอมไม่ทำงาน ภาพบนจอสั่นหรือกระพริบ ไดรว์ A ไม่ยอมอ่านแผ่น เป็นต้น จะเห็นว่าเป็นปัญหาที่เกิดจากความผิดปกติของอุปกรณ์ชิ้นนั้น ๆ โดยตรง การตรวจสอบหรือตรวจเช็คจึงทำได้ง่าย ไม่ยุ่งยากเหมือน 3 แบบที่ผ่านมา
5. ตรวจสอบอาการเสียที่เกิดจากการอัพเกรดอุปกรณ์ ไปจนถึงการปรับแต่งเครื่อง
สิ่งที่ทำให้เครื่องเกิดปัญหาอีกอย่างก็คือ การเพิ่มเติม ปรับเปลี่ยนหรือปรับแต่งอุปกรณ์บางตัวก็ทำไห้เกิดปัญหาได้อีกเหมือนกัน เช่น อัพเกรดแรมแล้วเครื่องแฮงค์ Overclock ซีพียูจนไหม้ , ปรับ BOIS แล้วเครื่องรวน เป็นต้น จะเห็นว่าในสภาพเครื่องก่อนกระทำใด ๆ ยังทำงานได้ปกติอยุ่ แต่หลังจากที่มีการอัพเกรดหรือปรับแต่งเครื่องแล้วก็มีปัญหาตามมาทันที แล้วคุณจะทำอย่างไร ????? บีคอมมีคำตอบให้คุณ
แผนผังกระบวนการแก้ปัญหาคอมพิวเตอร์
ทำไมต้องเรียนรู้เรื่องซ่อมคอมฯ
ทุกครั้งเมื่อยกเครื่องไปที่ร้าน ก็ต้องเสียค่าซ่อมอย่างน้อย ๆ ก็ 500 บาท เป็นราคามาตรฐานที่ค่อนข้างสุง ยิ่งถ้าช่างแค่เปิดฝาเครื่องแล้วขยับสายเล็กน้อย เครื่องก็หายเป็นปกติ ยิ่งรู้สึกไม่อยากจะจ่ายค่าซ่อมเลย แต่ถ้ามีอุปกรณ์พังก็ยังดี แต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่าราคาอุปกรณ์ที่เปลี่ยนนั้นร้านซ่อมขายให้ในราคาแพงเกินจริงหรือเปล่า และเปลี่ยนอุปกรณ์แล้วเครื่องจะหายจริงใหม หรือว่าถูกหลอกวางยาให้คุณยกมาซ่อมอีก เรียกว่าซ่อมกันไม่รู้จบสักที ที่กล่าวมาทั้งหมดทาง Bcoms อยากจะแนะนำให้ทุกท่านเห็นประโยขน์ ในการเรีนรู้ทางด้านฮาร์แวร์บ้าง เพื่อให้สามารถตรวจซ่อมละแก้ปัญหาเบื้องต้นได้โดยไม่ต้องเครื่องไปให้ช่างซ่อม
Bcom.net สร้างขึ้นมีจุดประสงค์เพื่อเป็นคู่มือในการแก้ปัญหา ที่จะช่วยให้ผู้เข้าชมเว็บ Bcoms ทั้งที่ไม่เคยจับคอม ฯ มาก่อนเลย หรือที่เคยใช้งานมาบ้างแล้ว สามารถวิเคระห์และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้เอง
เขียนซีดีให้ได้ Over ถึง 850 MB
คราวนี้ให้เปิดโปรแกรม Nero Express ไปเมนู Configure แล้วไปที่ TAB General จากนั้นมาที่รายการ Status bar ในหัวข้อ Yellow marker ใส่ตัวเลข 80 ส่วนช่อง Red marker ใส่ตัวเลข 99 จากนั้นมาที่ TAB Expert Features ใส่เครื่องหมายถูกหน้าข้อความ Enable Overburn Disk- at- onc และในช่อง Maximum CD size ใส่เลข 99 ลงไปครับ ที่นี้เรามาลองเขียนแผ่นซีดีดู โดยตัวอย่างนี้ผมจะเลือกไฟล์ขนาด 850 MB มาลองเขียนลงไปบนแผ่นซีดีขนาด 700 MB อย่าลืมเลือกการเขียนแผ่นแบบ Disk-at-once จากนั้นก็ Burn แผ่นได้เลย
ระบบจะแจ้งว่า Over Burn Writing ซึ่งก็ไม่ต้องตกใจอะไรเพราะนี่คือการเขียนเกินขอบเขตของระบบ ทำให้คอมพ์มันถามยืนยันว่าจะเขียนแน่เหรอ...เราก็ตอบไปว่าแน่นอน โดยกดที่ปุ่ม Write Overburn Disc แค่นี้ก็เสร็จแล้วครับท่าน
แน่นอนว่าเมื่อมีดีมันก็ย่อมมีเสีย โดยข้อเสียของการทำ Overburn คือ มันอาจจะทำให้มีการกระตุก หากมีการใช้งานกับไดรฟ์ CD-Rom บางรุ่น (ที่อาจจะไม่รองรับการเขียน-อ่าน Overburn) หรือบางทีอาจจะอ่านไม่ได้เลยก็มีเพราะมันไม่สามารถเคลื่อนหัวอ่านไปถึงพื้นที่บางจุดบนแผ่น เช่น ขอบด้านนอกของแผ่น เป็นต้นครับ...แต่ถ้าจำเป็นต้องบันทึกข้อมูลใหญ่ๆ เช่นนี้จริงๆ นายเกาเหลาว่าข้อดียอมมีกว่าข้อเสียนะครับ
อยากให้ XP แสดงวันที่ และเวลา?
โดยวิธีแรกไม่ต้องใช้ซอฟต์แวร์ใดๆ เลย แต่คุณอาจจะต้องแลกกับการเปลี่ยนขนาดของทาสก์บาร์ (Taskbar) ขั้นแรกคลิกขวาบนพื้นที่ว่างของทาสก์บาร์ ตรวจสอบรายการที่ปรากฏในคอนเท็กซ์เมนูว่า ไม่มีเครื่องหมายถูกปรากฎหน้าข้อความ Lock the Taskbar ซึ่งหมายถึง ทาสก์บาร์ไม่ได้ถูกล็อก จากนั้นเลื่อนพอยน์เตอร์ของเมาส์ไปที่ขอบด้านบนของทาสก์บาร์จนพอยน์เตอร์เปลี่ยนรูปร่างเป็นหัวลูกศรชี้ขึ้นและลง คลิกเมาส์ค้างไว้แล้วเลื่อนขึ้น เพื่อเพิ่มขนาดของทาสก์บาร์ให้หนาขึ้นเป็น 2 เท่า คุณจะเห็นวันที่ และเวลาครบถ้วนสมบูรณ์ตามที่คุณต้องการ จากนั้นคลิกขวาบนพื้นที่ว่างบนทาสก์บาร์อีกทีหนึ่งเลือก Lock the Taskbar เพื่อล็อกขนาดของมัน
อย่างไรก็ตาม วิธีแรกแม้จะง่ายจริง แต่คุณอาจจะต้องแลกกับพื้นที่หน้าจอที่หายไป เนื่องจากขนาดของทาสก์บาร์ที่หนาเตอะขึ้นมา
วิธีที่สอง ซึ่งดูน่าจะเข้าท่ากว่า ก็คือ ดาวน์โหลดฟรีแวร์ตัวเล็กๆ ชื่อว่า Tclockex ที่สามารถปรับเปลี่ยนสีสัน และรุปแบบการแสดงผลนาฬิกาได้ตามต้องการ แถมยังมีคุณสมบัติการทำงานอื่นๆ อย่างเช่น การกำหนดข้อมูลที่ต้องการให้แสดงในทูลทิปเป็นต้น สะดวกวิธีไหนก็เลือกใช้ตามอัธยาศัยนะครับ-นายเกาเหลา Computer.Today
6 สัญญาณอันตราย ฮาร์ดดิสก์ใกล้ตาย
1. LED แสดงสถานะการทำงานของฮาร์ดดิสก์ไม่ยอมดับ แม้มันจะฟังดูเกินเหตุ เนื่องจากบางทีมันอาจจะมาจาก LED มีปัญหาก็ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้ว การที่ LED แสดงสถานะการทำงานของฮาร์ดดิสก์สว่างอยู่ตลอดเวลา ค่อนข้างจะชัดเจนว่า มันมีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติ โดยเฉพาะการทำงานของฮาร์ดดิสก์ และยิ่งปล่อยเนิ่นนานไป ปัญหาจะลุกลามไปจนแก้ไม่ได้ในที่สุด
2. ฮาร์ดดิสก์ใช้เวลานานกว่าจะพร้อมทำงาน ฮาร์ดดิสก์ของคุณใช้เวลาในการบู๊ตนานเกินไป หรือเปล่า? จริงอยู่ที่มันอาจจากการที่ต้องโหลดโปรแกรมเริ่มต้นการทำงานหลายตัว แต่ถึงนั้นก็เถอะ ถ้ามันใช้เวลาเกินกว่าสองนาทีก็ถือว่า มีพิรุธแล้ว เพราะนั่นอาจเกิดจากการอ่าน หรือเขียนข้อความที่ผิดพลาดบนฮาร์ดดิสก์อยู่ก็ได้
3. ฮาร์ดดิสก์ไม่สามารถหา File Table ได้ ถ้าฮาร์ดดิสก์ไม่สามารถหา Windows Master File Table (MFT) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังเกิดการล่มของการทำงานอย่างไม่คาดฝัน กรณีนี้แทบจะเรียกได้ว่า ฮาร์ดดิสก์ของคุณเข้าขั้นโคม่าเต็มทีแล้ว
4. CHKDSK แสดงเซคเตอร์เสีย (bad sector) Bad sector คือความจริงของชีวิต การที่ยูทิลิตี้แสดงว่า ฮาร์ดดิสก์ของคุณมี bad sector นั่นหมายความว่า ความเสื่อมสภาพกำลังคืบคลานเข้ามาสู่ฮาร์ดดิสก์ของคุณทีละก้าวๆ แม้มันจะช้ามาก แต่เป็นสัญญาณเตือนที่คอยบอกคุณว่า ความหายนะกำลังใกล้เข้ามาเยือนฮาร์ดดิสก์ของคุณแล้ว
5. ฮาร์ดดิสก์ร้อนขึ้นเรื่อยๆ ปกติฮาร์ดดิสก์เวลาทำงานจะอุ่นๆ อยู่แล้ว แต่ถ้ามันร้อนมากจนรู้สึกได้ บางครั้งมีกลิ่นออกมาเลย ถ้ามีอาการเช่นนี้ก็เตรียมทำพิธีได้เลย ฮาร์ดดิสก์ของคุณใกล้ตายเต็มทีแล้ว
6. ประวัติของฮาร์ดดิสก์ ฮาร์ดดิสก์ที่เคยตกบนพื้นแข็ง (ขณะที่มันยังคงทำอยู่ หรือไม่ก็ตาม) หรือได้รับความร้อนมากเกินไป โดยเฉพาะเมื่อฮาร์ดดิสก์ได้รับการติดตั้งไว้ใกล้กับพัดลมระบายความร้อนซีพียู หรือพัดลมเสีย ซึ่งทั้งสองกรณีทำให้ความร้อนภายในสูงขึ้น ความร้อนนี้จะส่งผลให้ฮาร์ดดิสก์เริ่มมีอาการเอ๋อ อย่างเช่น มีปัญหาในการอ่าน หรือเขียนไฟล์ ปล่อยให้เป็นเช่นนี้เรื่อยๆ อายุของฮาร์ดดิสก์จะสั้นลงอย่างไม่ต้องสงสัย และหากฮาร์ดดิสก์มีประวัติทำนองนี้อยู่ล่ะก็ อายุของมันไม่ยืดแน่นอนครับ
วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2551
10 ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อซื้อ MP3
สิ่งสำคัญก็คือ พวกเขาจะพูดจูงใจให้คุณซื้อในสิ่งที่เกินกว่าความต้องการของคุณ
ขอให้ปริ้นรายการต่อไปนี้เพื่อความรวดเร็วในการช้อปปิ้งครั้งต่อไปของคุณ ตราบใดที่คุณสามารถหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดทั้ง 10 ประการนี้ได้ คุณก็จะเป็นคนที่มีความสุขได้อีกคนหนึ่ง
1. หลีกเลี่ยงการซื้อ MP3 ที่มีลูกเล่นอื่นที่เกินความจำเป็น ลูกเล่นประเภท Hi-end หลายตัวที่จะทำให้คุณต้องจ่ายเงินเกินกว่ารายได้ เช่น ที่บันทึกเสียง (line-in, voice, หรือ FM) หรือ วิทยุ FM แต่ละลูกเล่นที่เพิ่มเข้าไปมันก็เพิ่มราคาเข้าไปด้วย ถ้าคุณต้องการแค่ฟังเพลงอย่างเดียว ซื้อแค่เครื่องเล่น MP3 ธรรมดาก็พอ
2. ถ้าคุณต้องการเอา MP3 ใส่ไว้ในกระเป๋า ก็อย่าซื้อ MP3 ที่ไม่มี in-line remote เด็ดขาด in-line remote คือ รีโมทสำหรับใช้งานที่ติดกับสายหรือเป็นชิ้นงานเดียวกับสายหูฟังเลย เนื่องจากปัญหาแรกคือ ยุ่งยากในการหาใหม่สำหรับกรณีที่หูฟังเสีย นอกจากนี้ยังมีราคาแพงกว่าหูฟังดีๆ ทั่วไปอีกด้วย ต่อมาคือ การเก็บนั้นค่อนข้างยุ่งยากและเกะกะกว่าสายหูฟังทั่วๆไป และสุดท้ายเมื่อใช้งานไป คุณจะพบว่า เมื่อมีเพลงจำนวนมากๆ คุณก็จะต้องหยิบตัวเครื่องเล่นมาเลือกเพลงอยู่ดี เพราะ remote เหล่านี้จะมีให้เลือกเพลงเพียง previous, next เท่านั้น และคุณก็ไม่รู้ว่า เพลงนั้นชื่ออะไร
ถ้าจะเลือกจริงๆ ควรเลือก in-line remote ที่เป็นพวก LCD และมีคลิปเพื่อติดกับกระเป๋าและอุปกรณ์ตัวนี้ก็ต้องเก็บไว้อย่างเรียบร้อยด้วย สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น
3. อย่าประเมินราคาเครื่องเล่น CD MP3 ต่ำเกินไป หากคุณกำลังเลือกซื้อเครื่องเล่น MP3 ให้ใครสักคนซึ่งเขามีเครื่องไรท์ CD และไม่ได้พกพาไปไหนมาไหนด้วย เครื่องเล่น CD MP3 เป็นอีกทางเลือกที่ประหยัดและคุ้มค่ากว่า อุปกรณ์ชนิดนี้มักมี in-line remote ราคาต่ำเครื่องเล่น MP3 รุ่นใหม่ๆ เสียอีก ทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยลูกเล่นที่มากมายก่ายกอง และนอกจากนี้คุณยังสามารถซื้อ CD เปล่า 650MB ได้ในราคาถูกกว่าไม่กี่บาทเพื่อนำมาไรท์เพลงฟังได้อีกด้วย
4. อย่าซื้อ flash player ที่ไม่มีช่องขยายหากคุณไม่มั่นใจว่ามันจะมีหน่วยความจำเพียงพอ ไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่าการจ่ายเงินเพื่อซื้อ flash player ตัวอย่าง คิดว่า ต้องการมากกว่าเพลงเพียงอย่างเดียว ในกรณีนี้ ผู้ใช้งานอาจจะต้องหาเครื่องเล่นตัวใหม่ที่มีหน่วยความจำขนาดใหญ่กว่าเดิมแทนที่จะเพิ่มจาก unit ที่คุณได้ให้ไป ดังนั้นจึงควรเลือกที่มีเนื้อที่ค่อนข้างเยอะ หรือไม่ก็สามารถที่จะเพิ่มเนื้อที่เข้าไปได้เมื่อเราต้องการ
5. อย่าซื้ออุปกรณ์ที่ออกแบบมาไม่น่าสนใจ ควรศึกษารายละเอียดหรือโบรชัวของสินค้าอย่างระมัดระวังก่อนทำการตัดสินใจ กว่าเครื่องเล่น MP3 ที่คุณซื้อจะถูกนำออกมาโชว์ คุณอาจจะได้สิ่งที่ดูดีกว่าก็ได้ หรือมีรุ่นใหม่ๆ ออกมาแล้วก็ได้ ทำให้คุณเสียโอกาสที่จะได้ของดี ไป ดังนั้น ควรเลือกดูให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
6. ทำไมต้องจ่ายเงินซื้อหน่วยความจำที่มากเกินความจำเป็น? หากคุณไม่ใช่คอเพลงตัวยงที่ต้องการใส่เพลงทั้งหมดลงในเครื่องเล่น MP3 ล่ะก็ ลองพิจารณา flash player ความจุสูงหรือ hard drive player ดูสิ ถ้าคุณเปลี่ยนเพลงฟังทุกๆ สัปดาห์ เครื่องเล่นเหล่านี้ก็คงเพียงพอกับความต้องการของคุณ
7. ถ้าคุณจะซื้อเพื่อความชื่นชอบ ขอให้แน่ใจว่ามันสามารถติดไว้ที่แถบแขนเสื้อได้ ไม่ใช่ติดที่คอ หรือคลิปตรงเข็มขัด เราจะพบว่า ตรงแถบแขนเสื้อทำงานได้ดีเหมาะกับผู้ใช้งานที่มีกิจกรรมต้องเคลื่อนไหวร่างกาย; เครื่องเล่นที่ติดตรงคออาจทำให้เครื่องเล่นกระเด็นออกจากหน้าอกได้ หรือแกว่งไปแกว่งมาน่ารำคาญก็เป็นได้
8. อย่าซื้อเครื่องเล่น MP3 ที่ให้เสียงไม่ดังพอ หากคุณซื้อเครื่องเล่น MP3 ที่ไม่มีความดังในระดับที่คุณต้องการ คุณก็คงต้องลงทุนซื้อหูฟังที่มีคุณภาพสูงกันเสียหน่อยแล้ว ดังนั้นควรดูที่มันสามารถใช้งานได้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะคุณจะได้ไม่ต้องมานั่งสรรหาหูฟังใหม่เพิ่มขึ้นมา
9. หากเครื่องเล่นเพลงของคุณออกแบบมาให้สามารถเปลี่ยน vinyl หรือ cassettes หรือหน้ากากได้ ลองเลือกอย่างถี่ถ้วน เพราะหลายๆครั้ง คุณอาจจะพบกับปัญหาของหน้ากากหลวมๆ หรือ เกิดฝุ่นต่างๆเข้าไปฝั่งในเครื่องเต็มไปหมด อีกทั้งการเปลี่ยนเข้าเปลี่ยนออกอาจจะทำให้ไมค์ของเครื่องเล่นมันพังได้ในที่สุด แม้ว่าการที่สามารถเปลี่ยนหน้ากากได้จะดูดี ไม่น่าเบื่อ หรือเปลี่ยนในกรณีที่คุณใช้จนมันเป็นรอยเต็มไปหมด ถ้าหากจะซื้อจริงๆ ก็ควรดูว่า คุณสามารถที่จะหาหน้ากากใหม่เปลี่ยนได้ไม่ยาก หรือมีแถมมาเป็นชุดแล้ว และไม่ควรเปลี่ยนมันบ่อยมากนัก
10. หากคุณซื้อเครื่องเล่น MP3 เพื่อฟังขณะนั่งบนเครื่องบิน จงหลีกเลี่ยงเครื่องเล่นที่กินแบตเตอรี่ เครื่องเล่น MP3 บางตัวเล่นได้เพียงแค่ 6 ชั่วโมงต่อการชาร์ตหนึ่งครั้ง นั่นไม่เพียงพอหากคุณต้องนั่งเครื่องบินข้ามประเทศ ลองสอบถามให้แน่ใจว่า มันสามารถที่จะใช้งานได้นานพอกับความต้องการของคุณ
ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง
วิธีการแก้ไขเบื้องต้นเมื่อ Ipod มีปัญหา
วิธีการยืดอายุการใช้งานของแบตตเตอรี่ I-pod
เตือน"ของขวัญไฮเทค"ทำบาดเจ็บ c
ฟังเพลงดังผ่าน"หูฟัง" ต่อเนื่องหลายปีทำหูหนวก
ปกป้องหน้าจอ Ipod เครื่องเล่น MP3 ของคุณจากรอยขีดข่วน
Mini reviews:The MobiBLU Cube 2
ประวัติ... H O T M A I
รู้จักกับความเป็นมาของ "ทรงผมนักเรียน"
ตอบ Axacus
บทความว่าด้วยเรื่องกฎทรงผม ของ ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ จากหนังสือพิมพ์มติชนฉบับ 2 พฤศจิกายน 2550 มีคำตอบสรุปความได้ว่า ประเทศไทยรับทรงผมทรงนักเรียนทั้งเครื่องแบบต่างๆ จากญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งในช่วงสงครามนั้นเกิดเหาระบาดมาก ประชาชนจึงนิยมตัดผมสั้นเกรียน
และต่อไปนี้คือเหตุผลสำคัญๆ ที่ไม่ควรมีกฎทรงผมนักเรียน
1.ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ เพราะการเลือกทรงผมไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพผู้อื่น ไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญ ไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชนเช่นกัน
2.ไร้ซึ่งความจำเป็น เดิมกฎทรงผมเป็นกฎของทหารเพื่อใช้ปลูกฝังการเชื่อฟังคำสั่ง ปลูกฝังอำนาจนิยม และเพื่อความสะดวกในการดูแลรักษา แต่การปลูกฝังอำนาจนิยมทำให้เด็กมีทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อบ้านเมือง และนักเรียนนักศึกษาไม่ต้องรีบร้อนในชีวิตประจำวัน สามารถดูแลทรงผมได้
3.การใช้กฎทรงผมบังคับเป็นการสร้างภาพลักษณ์เสมือนมีวินัย เนื่องจากระเบียบวินัยที่แท้จริงไม่ได้เกิดจากการบังคับให้ทำ แต่หากเป็นการกระทำออกมาด้วยจิตสำนึก
4.ทำให้เยาวชนคิดไม่เป็นว่าสิ่งที่ทำอยู่ผิดหรือถูก ได้แต่รับคำสั่งไปวันๆ
5.ส่งเสริมให้เยาวชนไม่รักษาสิทธิ เนื่องจากการเลือกทรงผมเป็นสิทธิอันชอบธรรมของบุคคลนั้นๆ แต่สถานศึกษากลับเพิกเฉยและตั้งกฎระเบียบอันเข้มงวด ทำให้นักเรียนไม่สามารถรักษาสิทธิของตัวเองได้ นับวันก็จะมีแต่คนหมดหวัง หมดอาลัย ทั้งที่เป็นสิทธิของบุคคลนั้นๆ
6.ปลูกฝังให้เยาวชนละทิ้งเหตุผล เยาวชนหลายคนมีคำถามอยู่ในใจ แต่เมื่อได้รับคำตอบว่า "มันเป็นกฎ" หรือ "เธอไม่พอใจที่จะทำตามกฎ ก็ไม่ต้องเรียน" ซึ่งไม่ใช่คำตอบที่ดีของคนที่มีการศึกษาและกำลังให้การศึกษาต่ออนุชนรุ่นหลัง เพราะแสดงถึงความไร้เหตุผลอย่างยิ่งยวด ส่วนคนที่ยึดมั่นในเหตุผลและรอคอยคำตอบก็จะถูกมองเป็นพวกก้าวร้าว แล้วจะค่อยๆ ถูกหล่อหลอมเป็นพวกยอมรับกฎโดยที่ไม่รู้เลยว่าเพราะอะไร เดินไปโดยปราศจากเป้าหมาย เป็นส่วนจากการทิ้งเหตุผลของผู้ใหญ่
7.เป็นการส่งเสริมให้ใช้อำนาจโดยมิชอบ จากการที่เยาวชนซึมซับการใช้อำนาจของครูของเขาที่ใช้อำนาจอย่างไร้เหตุผลให้เขาตัดทรงผมสั้นโดยไม่มีเหตุผล เขาจะทำตามโดยใช้อำนาจอย่างผิดๆ ทำร้ายคนอื่น
8.ทำให้เกิดการเหยียดหยามดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ บางคนอาจได้ยินผู้ใหญ่ด่าว่าไว้ผมยาวเหมือนฮิปปี้จะไปเป็นนักเลงหรือ นั่นคือการเหยียดหยาม ความเป็นคนไม่ได้อยู่ที่ทรงผม จะเป็นคนดี จะสั้นยาวก็ไม่มีปัญหา
9.ทำให้ชื่อเสียงของโรงเรียนเป็นสิ่งจอมปลอม และมองข้ามชื่อเสียงที่แท้จริงไป คือคุณภาพของนักเรียนไม่ได้อยู่ที่ทรงผม แต่อยู่ที่คุณภาพของการศึกษาเรียนรู้และคุณภาพจิตใจ
10.ปลูกฝังให้เยาวชนไม่ยอมรับความคิดเห็นผู้อื่น หรือขาดความมั่นใจในตัวเองไปเลย จากที่เห็นได้ว่าเยาวชนต้องการหลุดจากแอกของกฎทรงผม แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะผู้ใหญ่ไม่รับฟังความคิดเห็น เยาวชนจะถูกหล่อหลอมให้เชื่อมั่นความคิดตัวเองมากเกินไปจนไม่ฟังความคิดเห็นผู้อื่น ซึ่งเป็นภัยต่อระบอบประชาธิปไตย หรืออีกทางหนึ่งสูญเสียความมั่นใจ ทำอะไรก็ผิด เหตุผลดีแค่ไหนก็เท่านั้น เป็นอันตรายกับระบอบการปกครองเช่นกัน
ด้านกระทรวงศึกษาธิการแถลงข้อดีของกฎทรงผมนักเรียน สรุปได้ว่า สะอาด เรียบร้อย ป้องกันเหาได้ เสียค่าใช้จ่ายน้อยในการตัดผม ทรงสุภาพเหมาะสมกับวัย
รู้ไปโม้ด : nachart@yahoo.com ที่มา นสพ.ข่าวสด
วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2551
การหาดาวน์โหลด ซอฟต์แวร์ ต่าง ๆ จากอินเตอร์เน็ตมาใช้งานแบบง่าย ๆ
ก่อนอื่น ใครที่อ่านบทความในหน้านี้ ต้องขอเตือนก่อนนะครับว่า คุณกำลังจะเริ่มต้นการทำผิดกฏหมายเข้าให้แล้ว เพราะว่าผมกำลังจะแนะนำ วิธีการหา ซอฟต์แวร์ ต่าง ๆ จากอินเตอร์เน็ตมาใช้งาน ทั้งแบบที่เป็นเวอร์ชั่นเต็ม และแบบที่ต้องใช้ crack หรือ keygen นะครับ เอาเป็นว่า ถ้าหากคุณยังใช้ Windows เวอร์ชันของพันธ์ทิพย์อยู่ละก็ ลองมาดูวิธีการหา ซอฟต์แวร์ อย่างอื่น ๆ มาใช้งานเล่นดูบ้าง อย่างน้อย ๆ ก็ประดับความรู้ไว้ครับ แต่ถ้ามีโอกาสก็อยากจะให้ซื้อ ซอฟต์แวร์ ที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้อง มาใช้งานกันนะครับ
จะหาซอฟต์แวร์ต่าง ๆ จากที่ไหน
สิ่งแรกที่ต้องทราบคือ เว็บไซต์สำหรับทำการดาวน์โหลดซอฟต์แวร์เหล่านี้มาใช้งาน ทางเลือกมีให้คุณ 2 ทางคือ หาซอฟต์แวร์ที่เป็นเวอร์ชันเต็มที่มีให้ดาวน์โหลดตามเว็บไซต์ประเภทนี้ (ดูจากลิ้งค์ในหน้าแรกของที่นี่ก็ได้) ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นตัวเต็มจริง ๆ ไม่ต้องทำอะไรอีก สามารถใช้งานได้ทันที และอีกทางเลือกหนึ่งคือ ให้ทำการดาวน์โหลด ซอฟต์แวร์ที่เป็นรุ่นทดลองใช้งาน จากเว็บไซต์ของเจ้าของซอฟต์แวร์นั้น ๆ มาก่อน ส่วนใหญ่จะเป็น shareware ซึ่งจะใช้วิธีการกำหนดระยะเวลาการใช้งานที่จำกัดไว้ หลังจากนั้นจึงทำการหา code สำหรับลงทะเบียนมาใส่ เพื่อให้เป็นเวอร์ชันเต็มจริง ๆ หรือหา crack เพื่อทำการแก้ไขให้ใช้งานได้ครับ โดยที่วิธีนี้ หากไม่ทราบเว็บไซต์สำหรับดาวน์โหลด ก็ให้ไปค้นหาได้ที่
Crack / Key Gen / Serial No.
มารู้จักกับสิ่งเหล่านี้กันก่อน ปกติแล้ว Software ที่มีให้ Download ตามเวปต่าง ๆ จะแบ่งออกได้เป็น Freeware, Shareware, Demo หรือ Full Version หรือเรียกง่าย ๆ ก็คือ ฟรี กับ เสียตังค์ นั่นเอง หาก Software ตัวไหนให้ใช้ฟรี เราก็สามารถใช้งานได้ทันที แต่สำหรับ Software บางตัวที่ต้องเสียเงิน ก็จะมีวิธีการจำกัดความสามารถต่าง ๆ แตกต่างกันออกไปครับ เช่น กำหนดระยะเวลาใช้งานไว้ หรือให้ใช้ได้แต่บาง function เท่านั้น จนกว่าจะมีการลงทะเบียนหรือนำ Register Code หรือ Serial No. ที่ได้จากการลงทะเบียนมาใส่ (ซึ่งคุณต้องเสียตังค์สำหรับ Code ที่ว่านี้ด้วย) ในที่นี้จะแนะนำการทำให้ Software เหล่านี้ใช้ได้เต็มหรือใช้ได้ตลอดไปโดยการ crack หรือหา Key Gen มาใช้
Crack คือโปรแกรมที่จะเข้าไปแก้ไข ในส่วนของการตั้งเวลาหมดอายุใช้งาน หรือทำให้ใช้งาน function ต่าง ๆ ได้ วิธีการ crack ส่วนใหญ่จะเหมือน ๆ กันคือให้ copy ไฟล์ crack ไปใส่ไว้ใน Folder เดียวกันกับที่เก็บโปรแกรม และเรียกใช้ จากนั้นก็ทำตามขั้นตอนครับ บางโปรแกรมก็อาจจะต้องเรียกใช้ไฟล์ crack แทนไฟล์เดิมของโปรแกรมนั้นแทน หรืออ่านรายละเอียดวิธีการใช้งานจากไฟล์ Readme.txt ที่มีมาให้ด้วย
Key Gen คือโปรแกรมสำหรับหา Register Code หรือ Serial No. ของ Software ต่าง ๆ โดยจะให้เราใส่ชื่อของ user name ที่จะ Register แล้วก็จะบอกเป็น Code มาให้สำหรับนำไปใส่ในช่อง Register Code เพื่อให้ Software ตัวนั้นเป็นแบบ Register Version รายละเอียดของการใช้ Key Gen ก็อาจจะต้องอ่านจากไฟล์ Readme.txt ที่มากับโปรแกรมนั้น ๆ ด้วย
สำหรับการค้นหา Crack หรือ Key Gen ของโปรแกรมต่าง ๆ สามารถค้นหาได้โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ที่รวมของ crack ต่าง ๆ ที่นิยมกันมากและมีค่อนข้างมากคือ
http://astalavista.box.sk http://www.andr.net http://www.serials.ws และ http://www.cracks.am โดยเมื่อเข้าไปแล้ว ก็กรอกชื่อหรือคำที่ต้องการค้นหาได้เลย พยายามดูรุ่นหรือ version ให้ตรงกับที่ต้องการด้วย หรือในบางครั้ง อาจจะใช้แทนกันได้ อันนี้ต้องลองกันเองครับการใส่ register code ส่วนใหญ่ที่พบ จะมีอยู่ 2 แห่งคือ ต้องใส่ขณะที่เริ่มต้นขั้นตอนการติดตั้ง และบางครั้ง ต้องทำการติดตั้งให้เสร็จก่อน แล้วจึงเข้าไปในหน้าของ register code (ส่วนใหญ่จะอยู่ที่เมนู Help) ให้สังเกตุเวลาดูรุ่นของซอฟต์แวร์ในเมนู Help นะครับ มักจะเขียนบอกว่าเป็น Shareware Version หรือ Evaluation หรือ Register Version เป็นต้น
ทดลอง crack ของจริง กับการแก้โปรแกรม ให้ใช้งานได้ปกติ
มาดูตัวอย่างของการ crack หรือ keygen เพื่อทำการเปลี่ยนซอฟต์แวร์ ให้กลายเป็นรุ่นเต็มกัน โดยตัวอย่างที่จะแสดงให้ดูต่อไปนี้ จะแบ่งออกเป็น 2 อย่าง ขึ้นอยู่กับวิธีการของผู้เขียน crack ของโปรแกรมแต่ละตัว
ตัวอย่างการใช้ keygen สำหรับโปรแกรม Winzip
ตัวอย่างของการใช้งาน keygen เพื่อหา Register code มาใส่สำหรับทำการลงทะเบียบโปรแกรม ซึ่งลักษณะการใช้งานทั่วไปของโปรแกรม keygen แบบนี้คือ ให้ทำการเรียกไฟล์ที่ได้มา อาจจะเป็นชื่อไฟล์ทำนองว่า keygen.exe หรือ crack.exe หรืออาจจะเป็นชื่ออื่น ๆ ก็ได้ จากนั้น ใส่ชื่อที่เราต้องการลงไปในช่อง Name แล้วกดปุ่ม Generate ตัวโปรแกรมจะสร้าง serial no. ให้เรา เพื่อนำเอาไปใช้ใส่ในช่อง Register ของโปรแกรมต่าง ๆ ได้ มาดูการทำ keygen ของโปรแกรม Winzip กัน โดยหลังจากที่ได้ติดตั้งโปรแกรม Winzip ไปเรียบร้อยแล้ว จะหา code สำหรับนำมาใส่ Register code โดยเริ่มต้นจากการหาดาวน์โหลดตัว crack ของโปรแกรมมาก่อน โดยที่จะยกตัวอย่างต่อไปนี้ เป็นลักษณะของ keygen ชื่อ sb_winzip8.exe
ทำความเข้าใจกับฮาร์ดดิสก์ในเบื้องต้นก่อน
ก่อนการใช้งาน Norton Ghost อยากจะให้ทำความเข้าใจ ระบบการเก็บข้อมูลและการแบ่งพาร์ติชันของฮาร์ดดิสก์ กันก่อน เพราะตรงนี้ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ หากเราไม่เข้าใจและทำโดยใส่ไดร์ฟหรือพาร์ติชันผิด ข้อมูลต่าง ๆ อาจจะหายไปทั้งหมดเลยก็ได้ ดังนั้น ขอให้พยายามศึกษาคำว่า Drive และ Partition ให้เข้าใจจริง ๆ ก่อน
Drive ในที่นี้หมายถึง ตัวฮาร์ดดิสก์ คือ ในคอมพิวเตอร์
Partition ก็คือการแบ่งพื้นที่ของฮาร์ดดิสก์ ออกเป็นหลาย ๆ ไดร์ฟ หรือเรียกว่าการแบ่งเป็นหลาย ๆ Partition นั่นเอง จากตัวอย่างข้างบน คือ เราสามารถที่จะแบ่งฮาร์ดดิสก์ 1 ตัวออกเป็นได้หลาย ๆ พาร์ติชัน หรือแบ่งออกเป็นหลาย ๆ ไดร์ฟนั่นเอง ดูวิธีการจัดการกับพาร์ติชันได้ที่นี่
ทีนี้ ลองสำรวจเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานอยู่กันก่อน ว่ามีฮาร์ดดิสก์ติดตั้งอยู่กี่ตัว และมีการแบ่งการใช้งานหรือแบ่งพาร์ติชัน ต่าง ๆ ออกเป็นอย่างไรบ้าง อย่างเช่นฮาร์ดดิสก์ของเครื่องที่ผมใช้งาน มี 1 ตัวแต่แบ่งออกเป็น 2 พาร์ติชัน ดังนั้น ในระบบ Windows เครื่องผมก็จะมองเห็นว่ามีไดร์ฟ C: กับ D: เป็นฮาร์ดดิสก์ ส่วนซีดีรอม ก็จะเป็นไดร์ฟ E: แทน ที่ต้องให้ทำความเข้าใจกับเรื่อง Drive และ Partition ตรงนี้ก่อน ก็เพราะว่า ในการใช้งาน Norton Ghost จะต้องมีการอ้างถึงสองคำนี้ และเพื่อเป็นการป้องกัน การผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ จากการใส่หรือระบุ Drive หรือ Partition ผิดครับ
Norton Ghost โปรแกรมช่วย แบคอัพฮาร์ดดิสก์ เก็บไว้เผื่อยามฉุกเฉิน
ครั้งหนึ่ง สมัยที่ผมเองหัดใช้งาน Windows ช่วงแรก ๆ ก็ซนพอสมควร มีการลองของคือ ทดลองลงโปรแกรมต่าง ๆ เดี๋ยวใส่ เดี๋ยวเอาออก ไม่นานเท่าไรนัก Windows ตัวเก่งก็เพี้ยนไปเลย ต้องมาลง Windows ใหม่อีก เรียกได้ว่าต้องลง Windows ใหม่ทุกสัปดาห์เลยก็ว่าได้ เป็นอย่างนี้อยู่ค่อนข้างนานพอสมควร ในสมัยนั้นผมเองก็คิดหาวิธีที่จะทำการ copy ตัวซอฟต์แวร์ต่าง ๆ เก็บไว้เป็นแบคอัพสำรองเอาไว้ เพื่อที่เวลามีปัญหา จะได้นำเอาไฟล์ที่ทำแบคอัพนั้นมาใช้งาน จนกระทั่งมาพบกับโปรแกรม Norton Ghost ที่มีความสามารถเก็บข้อมูลทั้งหมดใน พาร์ติชันของฮาร์ดดิสก์ ไว้ได้แบบที่เรียกว่า ทุกกระเบียดนิ้วเลยทีเดียว อีกทั้งตัวโปรแกรมก็ทำงานบน DOS ซึ่งเป็นการทำงานที่ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก และสามารถทำงานหลังจากที่ทำการ ฟอร์แม็ต ฮาร์ดดิสก์ ได้ทันที ใช้เวลาในการทำ แบคอัพ และนำกลับคืนไม่นานมากนัก ดังนั้น จึงขอแนะนำให้ท่านที่มีฮาร์ดดิสก์ ที่มีพื้นที่เหลือมากพอ หลังจากที่ทำการลง Windows ใหม่และติดตั้งซอฟต์แวร์ต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว ทำการเก็บแบคอัพข้อมูลและ Windows เก็บไว้ ครั้งต่อไป หากมีปัญหาที่ตัว Windows ก็จะได้ไม่ต้องมาทำการลงโปรแกรมใหม่ทั้งหมดครับ
ก่อนอื่น ต้องหาโปรแกรม Norton Ghost นี้มาใช้งานกันก่อน ลองดูจาก http://www.symantec.com/ นะครับ หรือถ้าหาไม่ได้ ก็โหลดจาก ที่นี่ หรือ ที่นี่ ก็ได้ครับ โปรแกรมจะมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก หลังจากดาวน์โหลดมาแล้วก็ให้ทำการ unzip และเขียนไฟล์ ใส่แผ่นดิสก์ไว้ก่อน จากนั้น จะบูตเครื่องจากแผ่นดิสก์ที่ได้นี้ หรือจะ copy เฉพาะไฟล์ ghost.exe เก็บไว้ใน โฟล์เดอร์ต่างหาก เพื่อที่จะใช้งานโดยตรงเลยก็ได้
ซอฟต์แวร์ในอนาคต
ที่ผ่านมานั้น การวิจัยด้านนี้ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควรเนื่องจากข้อจำกัดทางด้านฮาร์ดแวร์ แต่ปัจจุบัน สามารถสร้างคอมพิวเตอร์เฉพาะเพื่อทำงานด้านนี้ได้ ได้แก่ Neural Network Processor ทำให้สามารถปะมวลผลข้อมูลโครงข่ายใยประสาทเทียมที่ซับซ้อนได้เร็วมาก โดยใช้ความสามารถของระบบหลายหน่วยประมวลผล (multiprocessor) ในการทำงานแบบ Multiple Instruction Multiple Data (MIMD) แต่ละหน่วยประมวลผลของ โครงข่ายใยประสาทสามารถทำงานได้เทียบเท่าหน่วยประสาทเดี่ยว 8000 หน่วย โดยมีการเชื่อมต่อระหว่างหน่วยประสาทเดี่ยวภาายในหน่วยประมวลผลถึง 32,000 เส้น ความสามารถในการประมวลผลโดยการเชื่อมต่อประสาทเดี่ยวต่าง ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์สุดท้ายออกมา อยู่ที่ 140 ล้านการเชื่อมต่อ/วินาที ฉะนั้นหน่วยประมวลผลโครงข่ายใยประสาท 8 ตัว สามารถสร้างการเชื่อมต่อได้มากกว่าพันล้านครั้ง
Letizia The Computer Avatarโปรแกรมช่วยค้นหาข้อมูลอัตโนมัติ เลทิเซีย (Letizia) เป็นโปรแกรมแบบ agent ซึ่งมีความสามารถเป็นตัวแทนในการกระทำอัตโนมัติ เป็นตัวช่วยใขณะที่ผู้ใช้ท่องไปในเว็บ โดยติดตามพฤติกรรมการท่องเว็บของผู้ใช้จากโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ แล้วพยายามคาดว่าผู้ใช้มีความสนใจด้านใดเป็นพิเศษ ตัวอย่างเช่น มีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตคนหนึ่ง เขาเริ่มท่องไปในโลกอินเตอร์เน็ตด้วยการเปิดหน้าแรกของเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับเรื่องทั่ว ๆ ไป เช่น เรื่องปัญญาประดิษฐ์ แล้วเขาสนใจเรื่อง agent และ็เปิดหน้านั้นนานเป็นพิเศษ และเนื่งจากมีเว็บมากมายที่มีคำว่า agent ปรากฏอยู่ เขาจึงอาจใช้โปรแกรมค้นหาข้อมูล (search engine) ค้นหาหน้าที่เกี่ยวกับ agent โดยใส่คำสำคัญ (keyword) ว่า "agent" เท่านี้ โปรแกรมก็จะอ้างได้ว่าผู้ใช้คนนี้สนใจหัวข้อ agent
ต่อมาผู้ใช้ได้เปิดเว็บเพจส่วนบุคคลอันหนึ่ง ซึ่งมีรายการงานเขียน เช่นหนังสือหรือ เอกสารที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารของนักเขียนคนนั้น ผู้ใช้ได้เลือกที่จะเปิดอ่านงานเขียนที่เขาสนใจ โปรแกรมเลทีเซียจะตรวจสอบเว็บนั้นว่างีงานเขียนใดที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง agent ที่ผู้ใช้สนใจหรือไม่ ถ้ามี โปรแกรมก็จะนำเสนอให้กับผู้ใช้ และสามารถอธิบายได้ว่าทำไมจึงเลือกเอกสารนั้น ๆ นำเสนอต่อผู้ใช้
Future User Interfacesจากการสั่งงานคอมพิวเตอร์การใช้ command line ซึ่งประกอบด้วยตัวอักษรและตัวเลขพิมพ์เป็นคำสั่ง ก่อนที่ผู้ใช้จะสั่งงานคอมพิวเตอร์ได้นั้น ส่วนติดต่อกับผู้ใช้ (user interface) ต้องถูกกำหนดหน้าที่มาและรูปแบบของคำสั่งที่ระบบคอมพิวเตอร์อนุญาตให้ใช้ได้ หากพิมพ์ไม่ถูกต้อง หรือใส่ข้อมูลผิดพลาดก็จะไม่ทำงานให้ กลายมาเป็นการใช้เมาส์เลือกตำหน่งต่าง ๆ ของจอภาพ การใช้จอสัมผัส การใช้แท่งควบคุมเหล่านี้อาจกลายเป็นอดีตไป เมื่อแนวโน้มการสั่งงานให้คอมพิวเตอร์ทำงานในอนาคตจะเปลี่ยนไปเป็นการสั่งงานแบบธรรมชาติที่มนุษย์ใช้ที่สุด นั่นคือใช้เสียงสั่ง ซึ่งปัจจุบันนี้มีใช้งานจริงแล้ว
The 3D Graphical User Interfaceี้ส่วนติดต่อกับผู้ใช้สามารถเป็นภาพสามมิติได้ ซึ่งทำให้ดูเสมือนจริงมากยิ่งขึ้น เช่นในการเปิดร้านขายของออนไลน์ อาจออกแบบร้านเป็นสามมิติด้วยเทคโนโลยี VRML ผู้ซื้อสามารถท่องซื้อของในร้านอย่างเสมือนจริงและสามารถพูดคุยทักทายกับผู้ซื้ออื่น ๆ หมุนดูสินค้าได้อย่างละเอียดทุกมุมก่อนตัดสินใจซื้อ เป็นต้น
Machine Translationโปรแกรมแปลภาษามีแนวโน้มจะแปลแต่ละภาษาไปหากันและกันให้ได้มากที่สุด โดยวิธีที่ใช้คือ interlingua นั่นคือสร้างภาษากลางที่เป็นศูนย์กลางขึ้นมาหนึ่งภาษา ให้ทุกภาษาสามารถแปลไปกลับกับภาษากลางนี้ได้ โดยภาษากลางนี้มีการแทนข้อมูลที่เป็นความหมายที่เป็นกลาง ไม่ขึ้นต่อกับรูปแบบไวยากร์หรือการแปลของภาษาใด
ปัจจุบันมีเว็บไซต์ที่ให้บริการแปลภาษา 6 ภาษาจากแต่ละภาษาไปหากันได้คือ www.google.com แต่สำหรับภาษาไทย ยังต้องการนักวิจัยระบบแปลภาษาไทยให้มีความถูกต้อง และมีแนวโน้มที่จะพัฒนาให้แปลได้หลายภาษาขึ้นอีก
ปัญญาประดิษฐ์
AI คืออะไร?
AI : Artificial Intelligence หรือปัญญาประดิษฐ์เป็นศาสตร์แขนงหนึ่งของวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ที่เกี่ยวข้องกับวิธีการทำให้คอมพิวเตอร์มีความสามารถคล้ายมนุษย์หรือเลียนแบบพฤติกรรมมนุษย์ โดยเฉพาะความสามารถในการคิดเองได้ หรือมีปัญญานั่นเอง ปัญญานี้มนุษย์เป็นผู้สร้างให้คอมพิวเตอร์ จึงเรียกว่าปัญญาประดิษฐ์ มุมมองต่อ AI ที่แต่ละคนมีอาจไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่า เราต้องการความฉลาดโดย คำนึงถึงพฤติกรรมที่มีต่อสิ่งแวดล้อมหรือคำนึงการคิดได้ของผลผลิต AI ดังนั้นจึงมีคำนิยาม AI ตามความสามารถที่มนุษย์ต้องการให้มันแบ่งได้ 4 กลุ่ม ดังนี้
Acting Humanly : การกระทำคล้ายมนุษย์ เช่น - สื่อสารกับมนุษย์ได้ด้วยภาษาที่มนุษย์ใช้ เช่น ภาษาอังกฤษ เป็นการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (natural language processing) อย่างหนึ่ง เช่น เพื่อน ๆ ใช้เสียงสั่งให้คอมพิวเตอร์พิมพ์เอกสารให้ - มีประสาทรับสัมผัสคล้ายมนุษย์ เช่นคอมพิวเตอร์วิทัศน์ (computer vision) คอมพิวเตอร์มองเห็น รับภาพได้โดยใช้อุปกรณ์รับสัญญาณภาพ (sensor) - หุ่นยนต์ช่วยงานต่าง ๆ เช่น ดูดฝุ่น เคลื่อนย้ายสิ่งของ - machine learning หรือคอมพิวเตอร์เกิดการเรียนรู้ได้ โดยสามาถตรวจจับรูปแบบการเกิดของเหตุการณ์ใด ๆ แล้วปรับตัวสู่สิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไปได้
Thinking Humanly : การคิดคล้ายมนุษย์ ก่อนที่จะทำให้เครื่องคิดอย่างมนุษย์ได้ ต้องรู้ก่อนว่ามนุษย์มีกระบวนการคิดอย่างไร ซึ่งการวิเคราะห์ลักษณะการคิดของมนุษย์เป็นศาสตร์ด้าน cognitive science เช่น ศึกษาโครงสร้างสามมิติของเซลล์สมอง การแลกเปลี่ยนประจุไฟฟ้าระหว่างเซลล์สมอง วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงทางเคมีไฟฟ้าในร่างกายระหว่างการคิด ซึ่งจนถึงปัจจุบันเราก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่า มนุษย์เรา คิดได้อย่างไร
Thinking rationally : คิดอย่างมีเหตุผล หรือคิดถูกต้อง โดยใช้หลักตรรกศาสตร์ในการคิดหาคำตอบอย่างมีเหตุผล เช่น ระบบผู้เชี่ยวชาญ
Acting rationally : กระทำอย่างมีเหตุผล เช่น agent (agent เป็นโปรแกรมที่มีความสามารถในการกระทำ หรือเป็นตัวแทนในระบบอัตโนมัติต่าง ๆ ) สามารถกระทำอย่างมีเหตุผลคือ agent ที่กระทำการเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ เช่น agent ในระบบขับรถอัตโนมัติที่มีเป้าหมายว่าต้องไปถึงเป้าหมายในระยะทางที่สั้นที่สุด ต้องเลือกเส้นทางที่ไปยังเป้าหมายที่สั้นที่สุดที่เป็นไปได้จึงจะเรียกได้ว่า agent กระทำอย่างมีเหตุผล อีกตัวอย่างเช่น agent ในเกมหมากรุกมีเป้าหมายว่าต้องเอาชนะคู่ต่อสู้ ต้องเลือกเดินหมากที่จะทำให้คู่ต่อสู้แพ้ให้ได้ เป็นต้น
ยุคของคอมพิวเตอร์
compute แปลว่า คำนวณ นับ หากจะเล่าถึงประวัติการคำนวณก็ต้องเริ่มต้นตั้งแต่มนุษย์รู้จักการนับ กำหนดจำนวณ 0 ขึ้น และกว่า 3000 ปีมาแล้ว ที่มีเครื่องคิดเลขของจีนโบราณที่ช่วยให้มนุษย์คำนวณได้รวดเร็วและแม่นยำก็คือลูกคิด (abacus) เครื่องทอผ้าของ Jacquard loom (1805) และเครื่องวิเคราะห์ analytical engine (1834) ของ Charles Babbage จากนั้นประมาณปลายทตวรรษที่ 1960 ก็มีเครื่องคิดเลขแบบเครื่องกลใช้กันอย่างกว้างขวางทั้งสำหรับพ่อค้า นักวิทยาศาสตร์และวิศวกร และมีการสร้างคอมพิวเตอร์แบบแอนะล็อก (analog computer) ต่อจากนั้นจึงมีการพัฒนาคอมพิวเตอร์แบบดิจิทัลขึ้น ซึ่งทำงานได้รวดเร็ว และเชื่อถือได้กว่าคอมพิวเตอร์แบบแอนะล็อก จึงทำเป็นที่รู้จักและใช้กันอย่างแพร่หลายอย่างรวดเร็ว
ช่วงการพัฒนาฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์แบบดิจิทัล สามารถแบ่งได้เป็น 6 ยุค ดังนี้ครับ
ยุคแห่งเครื่องจักร The Mechanical Era (ปี ค.ศ. 1623-1945)
์ยุคแรก First Generation Electronic Computers (ปี ค.ศ. 1937-1953)
ยุคที่ 2 Second Generation (ปี ค.ศ. 1954-1962)
ยุคที่ 3 Third Generation (ปี ค.ศ. 1963-1972)
ยุคที่ 4 Fourth Generation (ปี ค.ศ. 1972-1984)
ยุคที่ 5 Fifth Generation (ปี ค.ศ. 1984-1990)
ยุคที่ 6 Sixth Generation (ปี ค.ศ. 1990-)